มาสเตอร์การ์ดเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ “คริปโต ซีเคียวร์” เพื่อช่วยให้ธนาคารและผู้ออกบัตรระบุและยกเลิกธุรกรรมฉ้อฉลผ่านการแลกเปลี่ยนคริปโต
ตามข่าวที่ออกมาเมื่อวันอังคาร (4) มาสเตอร์การ์ด บริษัทบัตรเครดิตชื่อดังของอเมริกาประกาศว่า มีแผนออก ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ใหม่คือ “คริปโต ซีเคียวร์” ซึ่งจะใช้อัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดอาชญากรรมจากการแลกเปลี่ยนคริปโตบนเครือข่ายการชำระเงินของมาสเตอร์การ์ด
ซอฟต์แวร์นี้รันบนบล็อกเชนของไซเบอร์เทรซที่ผสานรวมความสามารถของ AI ไซเบอร์ และบล็อกเชนเข้าด้วยกันเพื่อนำเสนอการรักษาความปลอดภัยสำหรับสินทรัพย์ดิจิตอลและโซลูชันป้องกันการฉ้อโกงให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ มาสเตอร์การ์ดเข้าซื้อไซเบอร์เทรซเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
มาสเตอร์การ์ดอธิบายว่า เมื่อใช้แพลตฟอร์มคริปโต ซีเคียวร์ แบงก์หรือผู้ออกบัตรอื่นๆ จะพบแดชบอร์ดที่แสดงการจัดอันดับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมและการทำธุรกรรมคริปโตด้วยรหัสสี โดยสีแดงหมายถึงความเสี่ยงสูงและสีเขียวหมายถึงความเสี่ยงต่ำ
อย่างไรก็ตาม คริปโต ซีเคียวร์ไม่ได้พิจารณาหรือแนะนำว่า ผู้ใช้แพลตฟอร์มควรจัดการธุรกรรมคริปโตดังกล่าวอย่างไร แต่ปล่อยให้ผู้ใช้ตัดสินใจเอง
คริปโต ซีเคียวร์พัฒนาขึ้นมาโดยอิงกับเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมของมาสเตอร์การ์ดที่มีจุดประสงค์ในการต่อสู้กับการฉ้อโกงในธุรกรรมที่ใช้เงินจริง
เอเจย์ บัลลา ประธานธุรกิจไซเบอร์และข้อมูลข่าวกรองของมาสเตอร์การ์ด เผยว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ซับซ้อน รวมทั้งส่งเสริมความไว้วางใจในการทำธุรกรรมด้วยสินทรัพย์ดิจิตอลในหมู่ผู้บริโภค ธนาคาร และร้านค้า
การปฏิบัติตามกฎระเบียบมีความเกี่ยวข้องมากขึ้นขณะที่คริปโตได้รับการยอมรับมากขึ้นจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่และผู้ค้าปลีกที่ได้รับความนิยม การปฏิบัติตามกฎระเบียบในอุตสาหกรรมคริปโตเป็นกระบวนการหนึ่งในกฎระเบียบป้องกันการฟอกเงิน ซึ่งทำได้โดยการรวมเครื่องมือเข้ากับกระบวนการภายในเมื่อต้องดำเนินการกับคริปโต ซึ่งอาจรวมถึงกระบวนการทำความรู้จักลูกค้าผ่านการยืนยันตัวตน (KYC) การติดตามการทำธุรกรรม หรือการจัดทำรายงานเพื่อเสนอต่อหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
การเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ของมาสเตอร์การ์ดยังเกิดขึ้นขณะที่เหล่าอาชญากรฉกฉวยประโยชน์จากอุตสาหกรรมสินทรัพย์เสมือนมากขึ้น โดยมีรายงานว่า เงินราว 14,000 ล้านดอลลาร์ถูกถ่ายโอนโดยผิดกฎหมายผ่านวอลเล็ต ที่ร้ายกว่านั้นคือ เป้าหมายการฉ้อโกงและการปล้นครั้งใหญ่หลายระลอกในปีนี้คือนักลงทุนคริปโต
ขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังพัฒนากฎระเบียบใหม่เพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโต ตัวอย่างเช่นเมื่อกลางเดือนที่แล้วคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เปิดเผยกรอบโครงนโยบายแรกเกี่ยวกับกฎระเบียบการเทรดคริปโตในอเมริกา
กรอบโครงดังกล่าวที่มีชื่อว่า “การรับประกันการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิตอลอย่างมีความรับผิดชอบ” เน้นย้ำความจำเป็นในการปกป้องผู้บริโภค ป้องกันอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ปราบปรามการฉ้อโกง และกำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลประสานงานกันเพื่อให้แน่ใจว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมคริปโตจะเป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบ รวมทั้งยังเน้นย้ำการศึกษาความเป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิตอลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC)
ทางด้านสหภาพยุโรป (อียู) นั้น เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะมนตรียุโรปและรัฐสภายุโรปบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับกฎระเบียบใหม่ในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งจะครอบคลุมสินทรัพย์คริปโต ผู้ออกสินทรัพย์คริปโต และผู้ให้บริการสินทรัพย์คริปโตทั้งหมดในอียู
ภายใต้กฎระเบียบใหม่ ผู้ให้บริการสินทรัพย์คริปโตจะต้องได้รับอนุญาตในการดำเนินการภายในอียู และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเพื่อปกป้องวอลเล็ตของผู้บริโภค นอกจากนั้นผู้ออกสเตเบิลคอยน์ยังต้องเก็บรักษาทุนสำรองในระดับที่เหมาะสมและสามารถตอบสนองคำร้องขอไถ่ถอนในกรณีที่มีกระแสการเบิกถอนจำนวนมาก