ตลาดหุ้นรอบนี้ลงลึกสุดหยั่ง ทำลายทุกแนวรับ และหลุดจากระดับ 1,580 ลงมาแล้ว โดยไม่อาจคาดหมายได้ว่าฐานที่มั่นต่อไปแถว 1,550 จุดจะรับอยู่หรือไม่
กูรูหุ้นโบรกเกอร์แทบทุกสำนักประเมินว่า หุ้นอยู่ในช่วงขาลงเต็มตัว และเริ่มมีมุมมองที่ระดับ 1,500 จุดแล้ว เพราะสถานการณ์รอบด้านมีแต่ข่าวร้าย
สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังดำเนินต่อไปด้วยความดุเดือด และไม่มีสัญญาณว่าจะยุติในระยะเวลาอันใกล้ และมีความกังวลกันว่า สงครามอาจลุกลามบานปลาย
เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบโดยตรง ราคาน้ำมันพุ่งทะยาน ทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวขึ้นตาม ภาวะเงินเฟ้อแต่ละประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบนับ 10 ปี จนต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยของไทยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศจะทำให้เงินทุนไหลออก และแม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของแบงก์ชาติจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง แต่คงปรับขึ้นได้ไม่มาก
เพราะเศรษฐกิจยังซบเซาสุดขีด การขึ้นดอกเบี้ยจะซ้ำเติมเศรษฐกิจจนฟุบหนัก แม้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่ยังไม่กลับสู่ความคึกคักเหมือนก่อนเกิดโควิด และไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้กระเตื้องได้มากนัก
ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในปีนี้คงไม่สดใสมากนัก และโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ได้ปรับลดประมาณการผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนลง ซึ่งส่งผลต่อประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปี โดยจะต้องปรับลดตัวเลขลงมาจากเดิมที่คาดว่าจะพุ่งไปแตะที่ระดับ 1,750 จุด
นักลงทุนต่างชาติหันมาเทขายหุ้นออก โดยเฉพาะเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ถล่มขาย 5,779.70 ล้านบาท รวมเดือนมิถุนายนมียอดขายหุ้นสะสม 20,007.11 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่าต่างชาติจะขายออกต่อเนื่อง
แรงกดดันการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังคุกคามตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะแม้เดือนมิถุนายน คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ หรือเฟดจะตัดสินใจใช้ยาแรงขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แต่การประชุมเดือนกรกฎาคมอาจขึ้นดอกเบี้ยซ้ำอีก 0.75%
ไม่มีข่าวดีใดที่รอคอย มีแต่ข่าวร้ายที่ปกคลุมรอบด้าน โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังดิ่งเหว ตลาดหุ้นไทยกำลังปรับฐานรอบใหญ่ และไม่รู้ว่าจะลงไปลึกสุดกู่ขนาดไหน
แต่นักลงทุนรายย่อยกลับไม่หวั่นไหวในวิกฤตตลาดหุ้น และเข้าไปช้อนซื้อหุ้นตลอดทางขาลง โดยเดือนมิถุนายน ไม่ว่าดัชนีจะขึ้นหรือลง รายย่อยซื้อลูกเดียวและมีเพียงวันเดียวที่ขายหุ้นออก ทำให้มียอดซื้อสุทธิสะสมในเดือนมิถุนายนรวม 24,356.41 ล้านบาท กลายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด
เพียงแต่ซื้อแล้วขาดทุน เพราะซื้อแล้วราคาหุ้นปรับตัวลง
ถ้านักลงทุนรายย่อยไม่ผลีผลามเข้าไปซื้อหุ้น และรอให้หุ้นปรับตัวจนเสร็จสิ้นจะมีโอกาสดีเก็บหุ้นในราคาต้นทุนต่ำ หรือถ้าเริ่มทยอยซื้อตั้งแต่ดัชนีถอยลงมาแตะระดับ 1,600 จุด ยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่า
แต่รายย่อยช้อนซื้อตั้งแต่ดัชนีระดับ 1,660 จุด จึงซื้อของแพงมาตลอดทางหุ้นขาลง จนต้องบาดเจ็บหนัก และหุ้นยังลงไม่ถึงก้นเหว
รายย่อยสู้ไม่ถอยจริงๆ แต่สู้แล้วต้องตายอย่างน่าเสียดาย เพราะถ้ากำเงินสดไว้ ไม่รีบผลีผลามซื้อ ใจเย็นๆ รอจังหวะดีๆ
รอบนี้จะเป็นโอกาสได้ของดีราคาถูก เมื่อการปรับฐานเสร็จสิ้น