นักวิเคราะห์โบรกเกอร์หลายสำนักส่งสัญญาณเตือนภัยตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว ทำนายว่า ตลาดหุ้นเดือนมิถุนายนจะผันผวน ดัชนีหุ้นมีแนวโน้มถอยลงสู่แนวรับ 1,600 จุด วันนี้คำทำนายเป็นจริงแล้ว
เปิดการซื้อขายหุ้นประเดิมรับสัปดาห์ใหม่ วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน ตลาดหุ้นทั่วโลกแดงฉาน ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงแรง ดัชนีทรุดลงมาปิดที่ 1,600.06 จุด ลดลง 32.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 73.446.76 ล้านบาท
กองทุนในประเทศถล่มขาย 3,652.60 ล้านบาท ฝรั่งขายสมทบอีก 2,596.99 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 6,170.58 ล้านบาท
คำแนะนำให้นักลงทุนชิงขายหุ้น ถือเงินสด เพื่อรอช้อนซื้อหุ้นคืนเมื่อตลาดเกิดการปรับฐานสู่แนวรับระดับ 1,600 จุด ไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด เพราะการปรับฐานรอบนี้นักลงทุนรายย่อยซื้อสวนตลอด และกลายเป็นกลุ่มที่ต้องแบกหุ้นต้นทุนสูง
การถล่มทลายของตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดจากความวิตกกังวลว่า การประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปลายสัปดาห์นี้อาจขยับดอกเบี้ยขึ้น 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งแรงถึง 8.6% ในเดือนพฤษภาคม
หรือถ้าขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนกรกฎาคม อาจขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75%
สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ยังดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด และไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จะยุติเมื่อไหร่
ถ้าสงครามยังไม่เลิก ราคาน้ำมันคงไม่ลง ภาวะเงินเฟ้อยังเป็นภัยคุกคามทั่วโลก เศรษฐกิจก็ทรุดหนัก จนคาดว่าจะเกิดหายนะทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า
ส่วนตลาดหุ้นจะถล่มทลาย และสัญญาณการพังทลายก็เริ่มต้นแล้ว โดยดัชนีอุตสาหกรรมเป็นชนวนฉุดให้ตลาดหุ้นทั่วโลกแดงฉาน
ประเทศไทยแม้แนวโน้มการท่องเที่ยวเริ่มกระเตื้องขึ้น จำนวนนักท่องเทียวเดินทางเข้ามาหนาตา ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่และจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงมาก
แต่การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวคงไม่อาจกระตุ้นให้เศรษฐกิจที่กำลังซบเซาสุดขีดฟื้นตาม
ส่วนตลาดหุ้นย่างเข้าสู่ช่วงขาลวงเต็มตัว และหากฝรั่งหันมาเทขายหุ้น การปรับฐานรอบนี้คงจะลึกสุดหยั่ง
ไม่สามารถประเมินได้ว่าดัชนีจะลงไปต่ำสุดในระดับใด แต่คงหลุดระดับ 1,600 จุดแน่
กูรูหุ้นคาดหมายไว้ตั้งแต่ดัชนียืนอยู่แถวระดับ 1,650 จุดแล้ว ในเดือนมิถุนายน หุ้นจะลงไปแตะแถวระดับ 1,580 จุด ซึ่งใกล้จะลงไปสู่แนวรับระดับถัดไปแล้ว
เพียงแต่มีคำถามว่า 1,580 จุดจะเอาอยู่หรือไม่ เพราะสถานการณ์แวดล้อมมีแต่ข่าวร้าย ปัจจัยลบ แถมกองหนุนต่างชาติทำท่าจะถอยทัพกลับบ้านเสียอีก
นักลงทุนรายย่อยกำลังเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง กำลังเข้าไปไล่ซื้อหุ้นท่ามกลางแนวโน้มขาลง และมองว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นกลายเป็นโอกาส ทั้งที่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวิกฤตเท่านั้น
แม้หุ้นจะลงมาสู่แนวรับ 1,600 จุดแล้วก็ตาม แต่การปรับฐานยังไม่สะเด็ดน้ำ ราคายังไม่ได้ซึมซับรับข่าวร้ายไปทั้งหมด จึงไม่ควรด่วนเข้าไปช้อนซื้อ
เพราะราคาหุ้นวันนี้อาจจะแพงเมื่อเทียบกับราคาในวันพรุ่งนี้ นักลงทุนจึงควรชะลอการซื้อขาย และเฝ้าดูเหตุการณ์จนกว่าจะมั่นใจว่า การปรับฐานกำลังจะสิ้นสุด หรือหุ้นลงไปนอนนิ่งอยู่ก้นเหวแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
และจะต้องรออีกนานไหม จึงได้ช้อนซื้อของถูกจริง
แต่จะอีกกี่วัน กี่สัปดาห์ หรือต้องรอจนย่างเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 นักลงทุนก็จำเป็นต้องรอ
เพราะเข้าไปช้อนตอนนี้มีโอกาสเจ็บหนักซ้ำเข้าไปอีก