FED เขย่าตลาดหุ้น โบรก ฯ ชี้นักลงทุนกลับมากังวลเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประเมินไว้ จากตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น แนะจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ ประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้ยังคงแกว่งตัวต่อเนื่องประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด หากยืนไม่อยู่ให้มองแนวรับถัดไป 1,580 จุด พร้อมให้แนวต้านที่ 1,616-1,620 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 13 มิ.ย. 2565 ปรับตัวลดลงกว่า -32.56 จุด หรือ -1.99% โดยปิดตลาดที่ 1,600.06 จุด มุลค่าการซื้อขาย 73,466.76 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,616.31 จุด ขณะที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,599.34 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 301 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 146 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,769 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +6,170.58 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +79.02 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -3,652.61 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -2,597.00 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.TOP มูลค่าการซื้อขาย 3,132.22 ล้านบาท ปิดที่ 53.50 บาท ลดลง 3.25 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,573.07 ล้านบาท ปิดที่ 36.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,422.23 ล้านบาท ปิดที่ 108.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
4.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,873.77 ล้านบาท ปิดที่ 147.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
5.OR มูลค่าการซื้อขาย 1,753.58 ล้านบาท ปิดที่ 26.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.LAปิดที่ 43.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาทหรือ 5.52%
2.TISCOปิดที่ 89.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาทหรือ 0.28%
(วันนี้ดัชนี SET ติดลบหนัก หุ้นกลุ่ม SET100 จึงมีเพียง 2 ตัวเท่านั้นที่ราคาบวกนอกนั้นราคาร่วงติดลบ)
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONTS ปิดที่ 178.00 บาท ลดลง 6.50 บาทหรือ 3.52 %
2.SCB ปิดที่ 108.00 บาท ลดลง 3.50 บาทหรือ 3.14
3.TOP ปิดที่ 53.50 บาท ลดลง 3.25 บาทหรือ 5.73
4.CBG ปิดที่ 104.00 บาท ลดลง 3.00 บาทหรือ 2.80
5.EGCO ปิดที่ 174.00 บาท ลดลง 3.00 บาทหรือ 1.69
ด้านดัชนี SET100 ปิดที่ 2,200.53 จุด ลดลง -45.22 จุด หรือ -2.01% ขณะที่ดัชนี SET50 ปิดที่ 968.75 จุด ลดลง -18.86 จุด หรือ -1.91% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 621.11 จุด ลดลง -21.68 จุด หรือ -3.37%
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้ปรับตัวลดลงในทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด หลังดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ 8.3% โดยต้องติดตามท่าทีของการประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 14-15 มิ.ย.
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) อายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.22% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี 8 เดือน ด้านตลาดดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 600 จุด และ ตลาดหุ้นยุโรปลดลงกว่า 2%
นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากการกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนในเมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกครั้ง ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะเข้ามากระทบต่อเศรษฐกิจอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีมองว่าพรุ่งนี้คาดดัชนี SET จะอ่อนตัวลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้หากผลการประชุมเฟดออกมาตามคาด โดยต้องติดตามแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด หากยืนไม่อยู่ ให้แนวรับถัดไปที่ 1,580 จุด ให้แนวต้านที่ 1,616-1,620 จุด