หุ้นไทยปิดตลาด -8.72 จุด โบรกฯ ชี้ปรับลดลงตามแรงกดดันในตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังธนาคารต่างประเทศเร่งใช้นโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้นด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หวังแก้ปัญหาวิกฤตเงินเฟ้อพุ่ง แนะจับตา กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในสัปดาห์หน้า พร้อมประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าแนวต้านที่ 1,650 จุด และแนวรับที่ 1,610 จุด และ 1,600 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 10 มิถุนายน 2565 ปรับตัวลดลง -8.72 จุด หรือ -0.53% โดยปิดตลาดที่ 1,632.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 59,628.75 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนในวันนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,640.86 จุด ขณะเดียวกันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,631.43 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 426 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 486 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,289 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +4,070.55 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +695.56 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -3,860.16 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -905.95 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.TOP มูลค่าการซื้อขาย 2,690.53 ล้านบาท ปิดที่ 56.75 บาท ลดลง 4.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,199.96 ล้านบาท ปิดที่ 149.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
3.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,761.35 ล้านบาท ปิดที่ 173.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
4.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,485.63 ล้านบาท ปิดที่ 37.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
5.KKP มูลค่าการซื้อขาย 1,481.85 ล้านบาท ปิดที่ 67.00 บาท ลดลง 2.75 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.GULF ปิดที่ 48.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.59%
2.INGER ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บา หรือ 1.52%
3.JMART ปิดที่ 57.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.33%
4.MINT ปิดที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.44%
5.BLA ปิดที่ 40.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.24%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TOP ปิดที่ 56.75 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 6.58%
2.ADVANC ปิดที่ 208.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 1.89%
3.BH ปิดที่ 175.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 1.69%
4.SCC ปิดที่ 363.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 0.82%
5.KKP ปิดที่ 67.00 บาท ลดลง2.75 บาท หรือ 3.94%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,245.75 จุด ลดลง -12.51 จุด หรือ -0.55% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 987.61 จุด ลดลง -5.54 จุด หรือ -0.56% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 642.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด หรือ 0.23%
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงตาม Sentiment การลงทุนต่างประเทศ หลังความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ พิจารณาใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยในสัปดาห์นี้ และสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมของธนาคารกลางของหลายประเทศ
ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีการมีมติคงอัตราดอกเบี้ย แต่เสียงแตกโดยมี 4 เสียงเห็นคงอัตราดอกเบี้ย และ 3 เสียงเห็นควรขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็นโอกาสที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดได้
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้าคาดดัชนีจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ การปรับตัวขึ้นคงไม่แรง เนื่องจากยังต้องติดตามผลการประชุมของธนาคารต่างๆ ที่จะออกมาในสัปดาห์หน้า รวมถึงรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน พ.ค.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยมองว่าการปรับตัวลดลงจะไม่มากนัก เนื่องจากยังมีกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ พร้อมประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้า แนวต้านที่ 1,650 จุด และแนวรับที่ 1,610 จุด และ 1,600 จุด