ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา คงไม่มีหุ้นตัวใด ร้อนเกินกว่าหุ้นบริษัท คาสเซ่อร์พีคโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPH เพราะราคาพุ่งทะยานต่อเนื่อง จนสร้างผลตอบแทนทะลุผ่าน 1,000% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้จะวิ่งๆ หยุดๆ พักปรับฐานเป็นระยะ แต่แนวโน้มใหญ่ของ CPH ในรอบ 1 เดือน เป็นขาขึ้นเต็มตัว โดยช่วงที่เกิดการพักปรับฐานราคาหุ้นลงไม่แรงนัก แต่เมื่อราคาดีดกลับขึ้นมาใหม่จะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง จนราคาชนเพดานสูงสุด 30% ถึง 10 วันทำการ
จุดเริ่มต้นการพุ่งทะยานของ CPH เกิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 หลังจากบริษัทฯ ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกผ่านระบบสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์ในช่วงพักการซื้อขายหุ้นช่วงเช้า โดยมีกำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดด จากขาดทุน 30 ล้านบาทในไตรมาสแรกปี 2564 กลับมีกำไร 47 ล้านบาทในไตรมาสแรกปี 2565
ราคาหุ้น CPH วันที่ 11 พฤษภาคมปิดที่ 3.70 บาทเท่านั้น แต่พุ่งขึ้นชนเพดานทันทีหลังประกาศงบไตรมาสแรก และวิ่งอย่างร้อนแรงต่อเนื่องจนขยับขึ้นมาปิดที่ 42.75 บาท เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นรวม 39.05 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1,055.40%
นักลงทุนที่มีหุ้น CPH ในมือก่อนหน้า และยังไม่ขายรวยเหมือนถูกหวย หรือแม้แต่นักเก็งกำไรที่เข้าไปในช่วงที่ประกาศงบไตรมาสแรกใหม่ จะโกยกำไรไม่ใช่น้อย
แต่นักเก็งกำไรที่คิดจะตามเข้าไปไล่ซื้อ CPH ไม่รู้ว่าสายเกินไปหรือไม่ เพราะราคามาไกลมาก
จากมูลค่าการซื้อขายเพียงวันละไม่กี่พันบาท จากหุ้นนอกสายตานักลงทุนมายาวนาน กลายเป็นหุ้นตัวเล็กที่ร้อนแรงสุดขีด มูลค่าซื้อขายวันละเฉียด 1 พันล้านบาท และยังไม่ถึงเดือนราคาขึ้นมากว่า 1,000%
ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้ดำเนินมาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น CPH เพียงแต่สอบถามไปยังบริษัทว่ามีพัฒนาการใดๆ ที่ส่งผลต่อราคาหุ้นหรือไม่ ซึ่งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทฯ แจ้งกลับตลาดหลักทรัพย์ว่า ไม่มีพัฒนาการใดที่ส่งผลต่อราคาหุ้น
และวันที่ 1 มิถุนายน ก็เป็นวันที่ CPH ปรับตัวลงแรง โดยปิดการซื้อขายที่ 18.10 บาท ลดลง 5.60 บาท หรือลดง 23.63%
แต่หลังจากนั้นวิ่งต่อขึ้นม้วนเดียวโดยไม่พัก จนขึ้นมาปิดที่ 42.75 บาท โดยเพียงช่วง 5 วันทำการ ราคาปรับตัวขึ้น 24.65 บาท หรือปรับตัวขึ้น 136.18%
ตลาดหลักทรัพย์คงกำลังเฝ้าติดตามหุ้น CPH อยู่ และอาจเตรียมใช้มาตรการกำกับการซื้อขายเพื่อดับความร้อนแรง เพราะหุ้นตัวนี้อยู่ในข่ายที่ร้อนแรงเกินไป แม้จะมีปัจจัยหนุนจากผลกำไรที่ก้าวกระโดดในไตรมาสแรกก็ตาม
นักเก็งกำไรที่จะโดดเข้าใส่ CPH จึงมีความเสี่ยงจากผลกระทบการถูกประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 กำหนดให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสด และห้ามนำหุ้นคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย
ค่าพี/อี เรโช CPH ขยับขึ้นเป็น 17 เท่าแล้ว จึงไม่ใช่หุ้นที่ค่าพี/อี ต่ำเหมือนก่อนหน้า แต่โจทย์ใหญ่คือ ผลประกอบการงวด 9 เดือนหลังปีนี้จะดีต่อเนื่องเหมือนไตรมาสแรกหรือไม่
เพราะถ้าผลกำไรเติบโตก้าวกระโดดเหมือนไตรมาสแรก ราคาบนกระดานยังน่าสนใจซื้อเก็บ
แต่ถ้าผลประกอบการ 9 เดือนหลังไม่ดี กำไรชะลอตัวหรือกำไรลดลง ราคาหุ้นขณะนี้แนวโน้มหุ้นคงปรับฐานลง
ใครจะโหนขบวนเก็งกำไรหุ้น CPH ต้องคิดให้หนัก ประเมินให้ได้ว่า 9 เดือนหลังผลประกอบการสดใสหรือไม่
เพราะราคาหุ้นเดินทางมาไกลสุดกู่ ถ้าไม่มีข่าวดีชิ้นใหม่หนุน ถ้าผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ออกมาไม่สดใส
CPH อาจปิดฉากความร้อนแรง