หุ้นบริษัท คาสเซ่อร์พีค โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPH ยังร้อนแรงไม่เลิก โดยหลังจากหยุดพักเหนื่อยชั่วคราว ราคาได้พุ่งทะยานชนเพดานสูงสุด 30% อีกครั้ง และภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 600%
วันจันทร์ที่ผ่านมา CPH ปิดที่ 24.70 บาท เพิ่มขึ้น 5.70 บาท หรือเพิ่มขึ้น 30% ชนเพดานสูงสุด มูลค่าซื้อขาย 552.34 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ราคาหุ้น CPH ปิดที่ 3.70 บาท ก่อนจะพุ่งทะยานเป็นขาขึ้นเต็มตัว จนขยับขึ้นมาปิดที่ 24.70 บาท โดยเพิ่มขึ้นรวม 21 บาท หรือเพิ่มขึ้น 567.56%
ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ที่กำไรเติบโตก้าวกระโดด โดยมีกำไรสุทธิ 47.66 ล้านบาท ขณะที่ระยะเดียวกันปีก่อนขาดทุนสุทธิ 30.31 ล้านบาท จุดชนวนให้นักลงทุนแห่เข้ามาไล่ซื้อหุ้น CPH จนราคาพุ่งชนเพดานสูงสุด 30% เป็นว่าเล่น
ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นกับ CPH ซึ่งอาจเกิดจากราคาที่ขยับแรงเป็นไปอย่างมีเหตุมีผล โดยมีกำไรไตรมาสแรกที่เติบโตเป็นปัจจัยสนับสนุน และค่าพี/อี เรโชเพียง 10.33 เท่า
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้เพิกเฉยต่อความร้อนแรงของ CPH เสียทีเดียว โดยวันที่ 1 มิถุนายน บริษัทฯ ได้ชี้แจงข้อซักถามของตลาดหลักทรัพย์ โดยระบุว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่มีนัยสำคัญต่อราคาหุ้น
แม้จะยังไม่มีการดำเนินมาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น CPH แต่ไม่ได้หมายความว่า ตลาดหลักทรัพย์จะเพิกเฉยต่อความร้อนแรงของราคาหุ้นและมูลค่าการซื้อขายหุ้นที่พองโตขึ้นมาก
เพราะ CPH ในช่วงที่เป็นหุ้นนอกสายตานักลงทุน มูลค่าการซื้อขายเบาบางมาก และมักจะซื้อขายกันวันละไม่กี่พันล้านบาท หรืออาจขยับขึ้นมาวันละไม่กี่หมื่นบาท
แต่ล่าสุด เคาะซื้อเคาะถึงกว่า 500 ล้านบาทต่อวัน และราคาหุ้นพุ่งแรงจัดจนอาจเข้าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ต้องแจกใบเหลือง ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายเพื่อดับร้อน
CPH เป็นหุ้นที่ไม่มีประวัติการสร้างราคา และไม่น่าจะมีเจ้ามือหรือขาใหญ่คอยดูแล้วทำราคา แตไม่รู้ว่าจะมีนักลงทุนขาใหญ่ผสมโรง เข้าไปจุดพลุลากราคา กระตุ้นให้รายย่อยตามแห่เก็งกำไรหรือไม่
เพราะค่าพี/อี เรโชต่ำ กำไรไตรมาสแรกดี จึงเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับเป็นทุนอยู่แล้ว นักลงทุนขาใหญ่อาจสบโอกาส ผสมโรงปั่นราคาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานก็ได้
หุ้นที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ค่าพี/อี เรโช นับร้อยเท่า หรือแม้แต่หุ้นที่ผลประกอบการขาดทุนติดต่อหลายปี ยังปั่นกันได้ ทำไมหุ้นที่กำไรดี ค่าพี/อี เรโชต่ำจะปั่นกันไม่ขึ้น
ยิ่งปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดมีน้อย ยิ่งปั่นกันสบาย เพียงแต่ไม่มีใครยืนยันได้ว่า มี “ขาใหญ่” สวมรอยปั่น CPH หรือไม่เท่านั้น
ราคาหุ้น CPH ถือว่าวิ่งมาไกลมาก แต่แรงซื้อยังมีไม่ขาดสาย ซึ่งถ้าสามารถประเมินได้ว่า แนวโน้มผลประกอบการ 3 ไตรมาสที่เหลือในปีนี้ยังสดใส ยังมีกำไรเติบโต ราคาขณะนี้ยังน่าสนใจซื้อเก็บอยู่
แต่โจทย์ใหญ่คือ อีก 3 ไตรมาสต่อไป ผลประกอบการจะดีต่อเนื่องหรือไม่เท่านั้น
ปี 2564 หุ้นบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ครองแชมป์ความเป็นหุ้นร้อนแห่งปี ราคาปรับตัวขึ้นจาก 1.93 บาทเมื่อสิ้นปี 2563 ขึ้นมาปิดที่ 131 บาท ในสิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้น 6,687%
ปี 2565 หุ้น CPH อาจครองแชมป์หุ้นร้อนแห่งปีก็ได้ ถ้าแรงไม่หมดเสียก่อน