ตั้งแต่ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก หุ้นบริษัท คาสเซ่อร์พีคโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) CPH พุ่งทะยานอย่างร้อนแรงต่อเนื่อง ราคาขยับขึ้นชนเพดานสูงสุด 30% แทบทุกวัน และยังมีแรงที่จะวิ่งได้อีก
CPH เงียบเหงามานาน จากต้นปีราคาขยับขึ้นลงในกรอบ 3-4 บาท ปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากผลประกอบการปี 2564 ไม่โดดเด่น
แต่ระหว่างพักการซื้อขายหุ้นภาคเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2565 ปรากฏว่า กำไรเติบโตก้าวกระโดด โดยมีกำไรสุทธิ 47.66 ล้านบาท ขณะที่ระยะเดียวกันปีก่อนขาดทุนสุทธิ 30.31 ล้านบาท
กำไรที่เติบโตสูงเป็นผลมาจากยอดการขายที่เพิ่มขึ้นและค่าเงินบาทที่อ่อนตัว
ราคาหุ้นพุ่งขึ้นตอนรับผลกำไรไตรมาสแรกทันที โดยมีแรงซื้อเข้ามาผลักดันให้ราคาพุ่งขึ้นจนปิดการซื้อขายที่ 4.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือเพิ่มขึ้น 29.73% ซึ่งถือเป็นราคาสูงสุดชนเพดาน มูลค่าซื้อขาย 7 ล้านบาท
CPH ดำเนินธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยผลประกอบการย่ำแย่ติดต่อหลายปี ปี 2561 ขาดทุน 6.73 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 223.42 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 17.99 ล้านบาท และปี 2564 กำไรสุทธิ 17.68 ล้านบาท
หุ้น CPH ยังโจนทะยานต่อเนื่อง โดยวันที่ 13 พฤษภาคมปิดที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 50 สตางค์หรือเพิ่มขึ้น 10.42% มูลค่าซื้อขาย 20.37 ล้านบาท หลังจากนั้นพุ่งขึ้นชนเพดาน 3 วันติดต่อ จนวันที่ 19 พฤษภาคมปิดที่ 11.50 บาท
รวม 5 วันทำการ ราคาหุ้น CPH ปรับตัวขึ้นจาก 3.70 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดวันที่ 11 พฤษภาคม ขึ้นมาปิดที่ 11.50 บาท เพิ่มขึ้น 7.80 บาท หรือเพิ่มขึ้น 210.81%
ค่าพี/อี เรโช CPH อยู่ที่ 4.81 เท่า ซึ่งต่ำมาก ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นประกอบด้วยนายบุญชู พงศ์เฉลิม ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง 29.70% ของทุนจดทะเบียน น.ส.วณี เต็มพิทยา ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง สัดส่วน 8.50% ของทุนจดทะเบียน โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 404 ราย ถือหุ้นรวมกันในสดส่วน 46.05% ของทุนจดทะเบียน
CPH เป็นหุ้นอยู่นอกสายตานักลงทุน มูลค่าการซื้อขายก่อนหน้าน้อยมาก โดยบ่อยครั้งซื้อขายวันละไม่กี่พันบาท หรือไม่กี่หมื่นบาท เนื่องจากปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดมีจำกัด และนักลงทุนที่ถือหุ้นไว้อาจต้องการถือลงทุนระยะยาว
และแม้ประกาศประกอบการไตรมาสแรกที่กำไรเติบโตสูงซึ่งถือเป็นข่าวดีที่กระตุ้นราคาหุ้น ทำให้นักลงทุนแห่เข้าเก็งกำไร แต่มูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นวันละหลายสิบล้านบาทเท่านั้น
แม้ราคาจะพุ่งมากว่า 200% ใน 5 วันทำการ แต่แรงซื้อก็ยังไหลบ่า เพราะค่าพี/อี เรโช ต่ำจนจูงใจ และหากผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง CPH จะเป็นหุ้นเทิร์นอะราวนด์ของแท้
แต่คนที่ถือหุ้นอยู่ในมือคงไม่มีใครอยากปล่อยของเท่าไหร่ แม้จะถูกหวยรางวัลใหญ่ จากราคาที่ทะยานยขึ้นในรอบนี้แล้วก็ตาม
ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายเพื่อดับความร้อนแรงของหุ้นตัวนี้ เพราะราคาที่ขยับขึ้นมามีปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเป็นตัวขับเคลื่อน และมูลค่าการซื้อขายไม่ได้มากนัก
นักลงทุนบางคนเกิดความรู้สึกขึ้นมาทันที “รู้งี้” เก็บ CPH ตุนไว้ก่อนหน้า แต่ถึงรู้ก็คงไม่สามารถช้อนหุ้นได้ เพราะแต่ละวันหุ้นแทบไม่มีการซื้อขาย
นักลงทุนที่จะรวยจาก CPH รอบนี้ต้องอดทนและถือหุ้นยาวๆ ข้ามปี เพราะ CPH เพิ่งจะเป็นของดีหลังประกาศงบไตรมาสแรกนี่แหละ