ช่วงนี้ตลาดหุ้นเกิดปรากฏการณ์ที่ต้องเฝ้าติดตาม โดยหุ้นที่เคยพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงนับสิบบริษัท พากันดิ่งลงเหมือนนัดหมายกันไว้ ทำให้นักเก็งกำไรที่ขายหนีไม่ทัน บาดเจ็บหนักตามๆ กัน
หุ้นร้อนๆ กำลังปรับฐานลง โดยกอดคอลงเป็นคู่ รูดกันแรงๆ และลงติดต่อกันหลายวัน และไม่อาจคาดหมายได้ว่ารอบนี้จะทรุดฮวบลงลึกขนาดไหน
หุ้นร้อนคู่แรกที่นำร่องทรุดตัวลงคือ หุ้น บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG กับหุ้นบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM
THG เคยถูกลากขึ้นไปในราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 99 บาท เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากนั้นถูกถล่มขายจนดิ่งลงต่อเนื่อง 7 วันทำการติดต่อ จนล่าสุดวันที่ 5 พฤษภาคม ลงมาปิดที่ 55.50 บาท รวมแล้วลดลง 43.50 บาท หรือลดลง 43.93%
RAM ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน THG สัดส่วน 21.06% ของทุนจดทะเบียน ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปปิดสูงสุดที่ 67.50 บาทในวันที่ 12 เมษายน หลังจากนั้นถูกเทขายจนปรับตัวลงต่อเนื่อง ล่าสุดปิดที่ 48 บาท ลดลงรวม 19.50 บาท หรือลดลง 28.88%
คู่ต่อมาหุ้นบริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ในสัดส่วน 50.79% ของทุนจดทะเบียน
FORTH เคยถูกลากขึ้นไปในราคาปิดสูงสุดที่ 51 บาท เมื่อวันที่ 25 เมษายน ก่อนจะปรับฐานลงมา และล่าสุดวันที่ 5 พฤษภาคมปิดที่ 36.75 บาท ลดลงโดยรวม 14.25 บาท หรือลดลง 27.94%
ขณะที่ FSMART ถูกลากขึ้นมาปิดสูงสุดในรอบนี้ที่ 26.75 บาท เมื่อวันที่ 25 เมษายน ก่อนถูกเทขายจนร่วงลงมาปิดที่ 18.30 บาท ลดลงรวม 8.45 บาท หรือลดลง 31.58%
อีกคู่คือบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG กับบริษัท ดีทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยนายธีระชัย รันตกนกพร
TEAMG รอบนี้ถูกลากขึ้นไปปิดสูงสุดที่ 11.90 บาท เมื่อวันที่ 21 เมษายน และเพิ่งถูกเทขายไม่กี่วัน จนล่าสุดปิดที่ 11 บาท ลดลงรวม 90 สตางค์ หรือลดลงเพียง 7.56%
แต่ DITTO ทรุดหนัก จากที่เคยถูกลากขึ้นไปปิดสูงสุดที่ 93.50 บาท เมื่อวันที่ 22 เมษายน ก่อนถูกถล่มขายจนตกรูด ล่าสุดปิดที่ 65 บาท ลดลงรวม 28.50 บาท หรือลดลง 30.48%
นอกจากนั้น ยังมีหุ้นร้อนที่ทะยานขึ้นเป็นกลุ่ม และกำลังปรับตัวลงกันทั้งกลุ่ม เช่น หุ้นกลุ่มบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ซึ่งประกอบด้วยหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT หุ้นบริษัท ซิงเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER และหุ้น บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J
รวมทั้งหุ้นกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งประกอบด้วยหุ้นบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX และ บริษัทหลักทรัพย์ บียอน์ด จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ซึ่งราคาหุ้นทรุดลงหลังจากถูกโจมตีเรื่องการบริหารงานภายใน EA
โดยเฉพาะหุ้น BYD ที่ร่วงหนัก ซึ่งเคยถูกลากขึ้นไปปิดสูงสุดที่ 22.50 บาท และหลังปรับฐานราคาจากการเพิ่มทุนเมื่อวันที่ 4 เมษายนปิดที่ 14.10 บาท ก่อนที่จะปรับตัวลงต่อเนื่องจนล่าสุดปิดที่ 8.75 บาท
นักเก็งกำไรที่แห่เข้าไปเก็งกำไรหุ้นร้อนเหล่านี้ ถ้าไม่ขายหุ้นทำกำไรออกไปก่อนเจ็บตัวกันแน่ และอาจเจ็บหนักขึ้นอีกถ้าราคาหุ้นถูกถล่มลงต่อ
2 หุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด MAI ทั้งหุ้น บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE และหุ้นบริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS ก็ไม่เบาเหมือนกัน เข้ามาซื้อขายเพียงไม่กี่วัน เล่นงานนักเก็งกำไรจนอ่วมอรทัย
CEYE ราคาจอง 3.86 บาท ซื้อขายวันแรกลากกันไปสูงสุดที่ 7.80 บาท ก่อนทุบลงมาปิดที่ 5.35 บาท โดยไม่รู้ขนหุ้นจากไหนมาขายกัน เพราะทุนจดทะเบียนเพียง 270 ล้านหุ้น แต่เคาะซื้อเคาะขายกันถึง 464.25 ล้านหุ้น
ตลาดหลักทรัพย์น่าจะใส่ใจตรวจสอบการซื้อขายหุ้น CEYE บ้าง ดูว่ามีใครอยู่เบื้องหลังการลากราคาหรือไม่ เพราะนักลงทุนรายย่อยยับเยินกันเยอะ
ส่วน BIS ราคาจอง 6 บาท และลากขึ้นไปที่ 11.30 บาท ก่อนถูกถล่มลงมาปิดที่ 8.90 บาท แมลงเม่าที่หลงเข้าไปไล่ซื้อเจ็บตัวตามๆ กัน
ช่วงนี้หุ้นร้อนกำลังสิ้นฤทธิ์ เพราะอาจได้เวลาเจ้ามือหรือขาใหญ่ในการ “ปล่อยของ”
แต่รายย่อยที่ตามแห่เข้าไปเก็งกำไร และ "ปล่อยของ" ไม่ทัน กำลังสิ้นใจไปตามๆ กัน