หลังจากราคาหุ้นถูกลากขึ้นอย่างร้อนแรง หุ้นบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ก็ถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายขั้นที่ 3 สั่งแขวนป้าย “SP” พักการซื้อขายหุ้น 1 วัน มีผลทันทีในวันที่ 20 เมษายน
หุ้นอีกตัวที่ติดร่างแหไปด้วย สังเวยมาตรการพักการซื้อขายคือหุ้นบริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BGT ซึ่งจดทะเบียนในตลาด MAI
การแขวนป้าย SP พักการซื้อขายหุ้น JTS ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของนักลงทุนแต่อย่างใด เพราะพฤติกรรมการซื้อขายอยู่ในข่ายที่สมควรโดนใบแดง
แต่สำหรับหุ้น BGT ถือว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมาย เพราะราคาและมูลค่าการซื้อขาย ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างร้อนแรงจนเกินไปนัก โดยมูลค่าการซื้อขายระดับ 10 ล้านบาท และราคาเพิ่งขยับขึ้นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์
ถ้าเทียบกับหุ้นร้อนอีกหลายตัว โดยเฉพาะหุ้น บริษัท ทีม คอลซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ซึ่งราคาพุ่งทะยานสวนมาตรการกำกับการซื้อขายขั้นที่ 2 และตลาดหลักทรัพย์ควรควักใบแดง แต่กลับรอด จนน่าตั้งคำถามถึงการปฏิบัติที่มีลักษณะเหมือน 2 มาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์อาจมีข้อมูลเชิงลึกในเบื้องหลังการเคลื่อนไหวหุ้น BGT ซึ่งกลุ่มธรรมวัฒนะ ถือหุ้นใหญ่
ส่วนหุ้น TEAMG ถ้ายังลากกันไม่เลิก น่าจะเป็นหุ้นตัวต่อไปที่สังเวยมาตรการ SP เพราะถ้าไม่ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายที่เข้มข้นขั้นสูงสุด ตลาดหลักทรัพย์จะเจอข้อหาเลือกปฏิบัติ
สำหรับหุ้น JTS กลายเป็นหุ้นต้นตำนานคำว่า “รู้งี้” ไปแล้ว เพราะถ้ารู้ว่า วันนี้ราคากระโจนมาถึง 552 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 นักลงทุนคงซื้อหุ้นเก็บไว้เต็มพอร์ตแล้ว ในราคาปิดที่ 1.93 บาท
JTS ถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย ครบ 1 โหลหรือ 12 ครั้งพอดี นับจากต้นปี 2564 ที่เริ่มมีการลากราคาหุ้น
จากราคาปิดสิ้นปี 2563 ที่ 1.93 บาท ทะยานขึ้นมาปิดที่ 552 บาท เมื่อวันอังคารที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ภายในเวลาปีเศษ JTS ปรับตัวเพิ่มขึ้น 550.07 บาท หรือเพิ่มขึ้น 28,501.03% และครองความเป็นหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย
ค่าพี/อี เรโช หุ้น JTS พุ่งขึ้นไปประมาณ 1,750 เท่าแล้ว และกลายเป็นหุ้นที่มีราคาสูงที่สุดในตลาดหุ้น สูงกว่าหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เสียอีก
เชื่อกันว่า JTS เป็นหุ้นที่น่าจะมี “เจ้ามือ” หรือ “ขาใหญ่” อยู่เบื้องหลังการลากราคา โดยนักลงทุนรายย่อยคงขายทิ้งหุ้นตัวนี้ออกไปหมดแล้ว
ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายหมุนเวียนน่าจะอยู่ในมือของ “เจ้ามือ” หรือ “ขาใหญ่” เกือบทั้งหมด จึงสามารถควบคุมราคาได้ จะลากขึ้นไปขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัวถูกถล่มขาย
เพราะนักลงทุนทั่วไปแทบไม่มีใครถือหุ้น JTS เหลืออยู่ในมือ
ในอดีตเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน เคยมีหุ้นที่มีพฤติกรรมเหมือนหุ้น JTS โดยราคาหุ้นถูกลากขึ้นยาวข้ามปี และผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ในยุคนั้นไม่สามารถสยบความร้อนแรงได้
หุ้นบริษัท รัตนะการเคหะ จำกัด หรือ RR และหุ้นบริษัทเงินทุนเฟิสท์ ซิตี้ อินเวสเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ FCI ฉายาหุ้น “ฟ้าใส” ถือเป็นหุ้นคู่แฝดอภินิหารในยุคนั้น โดยคุณหญิงพัชรี ว่องไพฑูรย์ (รัตตะกุล) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 2 บริษัท
ประมาณปลายปี 2535 มีการเปิดฉากลากราคาหุ้น RR และ FCI จากราคาที่เคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 30 บาท พร้อมกับการปล่อยข่าวเป้าหมายราคาที่ “เจ้ามือ” จะลากขึ้นไประดับ 80 บาท
แต่นักลงทุนรายย่อยไม่ได้ตามแห่เก็งกำไรหุ้น RR และ FCI นอกจากนั้น นักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่ ยังเทขายหุ้นทิ้ง โดยหุ้นใส่จน “เจ้ามือ” ไม่มีโอกาสขายหุ้นทำกำไร
เมื่อติด “กับดัก” ตัวเอง ต้องแบกหุ้นไว้เต็มกางเกง “เจ้ามือ” จึงจำเป็นต้องลากหุ้นต่อไป พร้อมปล่อยข่าวเป้าหมายราคาที่จะลากขึ้น แต่รายย่อยก็ไม่ยอมเข้าไปเล่นกับเจ้ามือ
RR ถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 300 บาท ส่วน FCI ถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 180 บาท ก่อนวันที่ 26 เมษายน 2536 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะกล่าวโทษคุณหญิงพัชรี ในความผิดปั่นหุ้น RR และ FCI
หุ้นคู่แฝดอภินิหารจึงสิ้นฤทธิ์ ราคาดิ่งลงติดฟลอร์กว่าสิบวันทำการ โดยยุคนั้นการขึ้นลงของราคาหุ้นกำหนดเพดานสูงสุดต่ำสุด 10%
“เจ้ามือ” หุ้น RR และ FCI ต้องพบจุดจบที่น่าอนาถ จากเป้าหมายที่จะหลอกกินรายย่อย แต่สุดท้ายถูกรายย่อยรุมกินโต๊ะเสียเอง
สำหรับความร้อนแรงของหุ้น JTS จะพบจุดจบหรืออวสานอย่างไร สุดจะคาดเดา แต่เชื่อว่านักลงทุนรายย่อยคงเผ่นไปหมดแล้ว เหลือแต่ “เจ้ามือ” หรือ “ขาใหญ่” ที่จะต้องหาทางลงจากดอย จึงจำเป็นต้องลากหุ้นต่อ เพื่อล่อแมลงเม่าต่อไป
ดังนั้น มาตรการกำกับการซื้อขายขั้นสูงสุดระดับ 3 สั่งแขวนป้าย SP พักการซื้อขายหุ้น 1 วัน มีแนวโน้มว่าจะดับความร้อนแรงของหุ้น JTS ไม่ได้
เพราะ “เจ้ามือ” หรือ “ขาใหญ่” หุ้น JTS กำลังหน้ามืด พร้อมสู้ยิบตา พร้อมลากหุ้นจนทะลุจักรวาล
ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์เตรียมคิดแผนสองล่วงหน้าไว้ได้แล้ว ถ้ามาตรการ SP สยบหุ้นร้อนไม่อยู่ จะงัดไม้ไหนมาเล่นงาน JTS ต่อ