บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ออกบทวิเคราะห์ ระบุถึง 16 หุ้นที่จะถูกผลกระทบจากเกณฑ์ใหม่ของมาตรการกำกับการซื้อขาย โดยหุ้นบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO ติดอยู่ใน 1 หุ้นที่มีความเสี่ยง
มาตรการกำกับการซื้อขายที่ปรับปรุงใหม่ให้มีความเข้มข้นขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ประกาศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายนนี้ โดยมาตรการสูงสุดระดับ 3 จะพักการซื้อขายหุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกติ 1 วัน
316 หุ้นที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากถูกมาตรการกำกับการซื้อขาย โดยมีทั้งหุ้นที่ถูกใช้มาตรการระดับ 1 กำหนดให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสด หุ้นที่ถูกใช้มาตรการระดับ 2 กำหนดให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสด และห้ามนำหลักทรัพย์คำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย
และระดับ 3 กำหนดให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสด ห้ามนำหลักทรัพย์คำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย และห้ามหักลบชำระราคาค่าซื้อขายหุ้นภายในวันเดียวกัน หรือห้ามเนทเซทเทิลเมนท์
หุ้นที่ถูกประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายทั้ง 16 บริษัท มีปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ ราคาปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง และไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมีค่าพี/อี เรโชสูงลิบลิ่ว
DITTO เพิ่งเข้าซื้อขายในตลาด MAI เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่วันแรก โดยปิดที่ 16 บาท สูงกว่าราคาจอง 8.50 บาท หรือสูงกว่าราคาจอง 113.33%
และไม่ใช่วันแรกเพียงวันเดียวที่ DITTO เคลื่อนไหวอย่างร้อนแรง แต่ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา หุ้นตัวนี้ร้อนตลอด ราคาพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง การซื้อขายเป็นไปอย่างไม่ปกติ จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายถึง 6 ครั้ง
ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 หลังหุ้นเข้าซื้อขายเพียงไม่กี่วัน และครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา โดยยกความเข้มข้นสู่ระดับ ซึ่งหากมาตรการกำกับการซื้อขายใหม่มีผลบังคับใช้ DITTO คงประเดิมถูกพักการซื้อขายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหลักทรัพย์จะดำเนินมาตรการดับความร้อนแรงอย่างถี่ยิบ แต่ DITTO ก็เหมือนกับหุ้นร้อนอีกหลายตัวคือ ดื้อยา ไม่สะทกสะท้านกับการถูกเฝ้าจับตาของตลาดหลักทรัพย์ โดยราคายังถูกลากขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 29 มีนาคมปิดที่ 61.50 บาท
จากราคาเสนอขายนักลงทุนครั้งแรก หรือราคาจองที่ 7.50 บาท DITTO ทะยานขึ้นมาที่ 61.50 บาท เพิ่มขึ้น 54 บาท หรือเพิ่มขึ้น 720% ภายในเวลา 10 เดือน จึงเป็นหุ้นน้องใหม่ที่แรงจัด จนตลาดหลักทรัพย์ต้องเพ่งเล็งความเคลื่อนไหว
ค่าพี/อี เรโช DITTO พุ่งขึ้นเป็น 162 เท่าแล้ว ซึ่งถือว่าสูงมาก แม้ผลประกอบการจะเติบโตก็ตาม แต่ถ้ากำไรไม่เติบโตสูงต่อเนื่อง ราคาหุ้นก็อาจยืนอยู่ไม่ได้
ปี 2564 DITTO มีกำไรสุทธิ 200.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 114.20 ล้านบาท และเพิ่งประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.01 บาทต่อหุ้น พร้อมปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่
นอกจากนั้น ยังออกใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ หรือวอร์แรนต์แจกผู้ถือหุ้นฟรีในสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ประกอบด้วยกลุ่มนายธีระชัย รัตนกมลพร ถือหุ้นเกินกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน และมีนักลงทุนรายใหญ่ประกอบด้วยนายสถาพร งามเรืองพงศ์ หรือเซียนฮง ถือหุ้นในสัดส่วน 5.5793% ของทุนจดทะเบียน โดยเมื่อวันที่ 23 มีนาคม แจ้งซื้อเพิ่ม 0.5868% ของทุนจดทะเบียน รวมทั้งนายสมพงศ์ ชลคดีดำรงกุล หรือเสี่ยปู่ ถือหุ้นในสัดส่วน 3.71%
ขาใหญ่เข้าไปกวาดเก็บหุ้น DITTO ตุนไว้แล้ว รายย่อยที่จะตามแห่เข้าไปเก็งกำไรอาจเป็นการต่อยอดให้รายใหญ่
และที่สำคัญ DITTO วิ่งมาไกลมากมาก ห่างจากปัจจัยพื้นฐานที่จะรองรับ และเป็น 1 ในหุ้นกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกพักการซื้อขาย ประเดิมมาตรการกำกับการซื้อขายใหม่ถ้าราคาหุ้นตัวนี้ยังถูกลากไม่หยุด