xs
xsm
sm
md
lg

SET INDEX ปิด +30.11 จุด รับ GDP Q1/65 สูงกว่าคาด แม้ตลาดอึมครึมกังวลปัจจัยลบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาดพุ่ง +30.11 จุด นักวิเคราะห์ชี้ หุ้นปรับตัวบวกรับ GDP ไทยไตรมาส 1/65 สูงกว่าคาด หลังรายได้ฟื้นจากวิกฤติโควิด แต่ภาพรวมตลาดยังกังวลปัจจัยลบต่างประเทศทั้งวิกฤติราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อ และ สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ พร้อมประเมินกรอบการลงทุน แนวรับที่ 1,600 จุด และ แนวต้านที่ 1,630 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 17 พ.ค. 2565 ปรับเพิ่มขึ้น 30.11 จุด หรือ +1.9% โดยปิดตลาดที่ 1,614.49 จุด มูลค่าการซื้อขายกว่า 85,222.10 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์ในวันนี้ ดัชนี SET INDEX ปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,615.48 จุด ในขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,590.96 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 1,424 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 295 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 577 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +3,204.89 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +2,668.99 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -5,078.94 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -794.94 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,258.82 ล้านบาท ปิดที่ 157.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
2.JMT มูลค่าการซื้อขาย 2,927.67 ล้านบาท ปิดที่ 76.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,883.34 ล้านบาท ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
4.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,263.01 ล้านบาท ปิดที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
5.IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,158.23 ล้านบาท ปิดที่ 48.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 157.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาทหรือ 3.96%
2.MEGA ปิดที่ 54.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาทหรือ 11.34%
3.EA ปิดที่ 85.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาทหรือ 4.91%
4.JMART ปิดที่ 55.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาทหรือ 6.80%
5.EGCO ปิดที่ 175.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาทหรือ 2.04%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BLA ปิดที่ 38.50 บาท ลดลง 2.25 บาทหรือ 5.52%
2.BCH ปิดที่ 18.80 บาท ลดลง 1.20 บาทหรือ 6.00%
3.CBG ปิดที่ 103.50 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 0.96%
4.TGT ปิดที่ 18.00 บาท ลดลง 0.60 บาทหรือ 3.23%
5.OR ปิดที่ 26.00 บาท ลดลง 0.50 บาทหรือ 1.89%

ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,190.52 จุด เพิ่มขึ้น 25.47 จุด หรือ 1.18% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 962.69 จุด เพิ่มขึ้น 9.63 จุด หรือ 1.01% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 614.27 จุด เพิ่มขึ้น 12.34 จุด หรือ 2.05%

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ค่อนข้างแรงหลังจากตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 1/65 สูงกว่าคาด โดยราคาหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ และดาวน์โจนส์ฟิวเจอร์สก็บวก แนะติดตามความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคืนนี้ว่ามีความเห็นต่อนโยบายการเงินอย่างไร

ขณะที่นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างแรงหลังจากลงไปค่อนข้างมาก แต่มองเป็นการรีบาวด์จากภาพรวมผ่อนคลายชั่วคราว เนื่องจากยังมีปัจจัยลบเดิมกดดันตลาดอยู่ทั้งเรื่องสงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังต้องจับตาท่าทีรัสเซียต่อกรณีฟินแลนด์และสวีเดนเข้าเป็นสมาชิกนาโต อีกทั้งภาวะเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังสูงต่อเนื่องจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องเดินหน้านโยบายการเงินตึงตัวในเชิงรุก

อย่างไรก็ดีมองว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยในไตรมาส 1/65 คาดว่าจะอยู่ที่ราว 2.6-2.7 แสนล้านบาทใกล้เคียงที่ ASP คาด ซึ่งผลประกอบการที่ออกมาดีนั้น จะช่วยหยุด downside ของตลาดไว้ได้ระดับหนึ่ง ขณะที่จีนมีทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยจีนเตรียมที่จะคลายล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนซบเซา ทั้งยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.ลดลง ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ นายเทิดศักดิ์ คาดว่า ตลาดยังมีความผันผวน และให้ระวังแรงขายทำกำไร โดยให้แนวต้านที่ 1,630 จุด แนวรับที่ 1,600 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น