xs
xsm
sm
md
lg

ALT กวาดรายได้ 286 ล้านโต 34% ลั่นปีนี้โซลาร์รูฟท็อปมาแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสมบุญ เศรษฐ์สันติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1  สิ้นสุด วันที่ 31 มี.ค.2565 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 286.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 213.46 ล้านบาท 
 
รายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการให้บริการโครงข่ายที่มียอดเพิ่มขึ้น 57.2% จาก 66.21 ล้านบาท เป็น 104.10 ล้านบาท ธุรกิจขายสินค้ามียอดรายได้เพิ่มขึ้น 31.89 ล้านบาท หรือ 694.9% จาก 4.59 ล้านบาท เป็น 36.48 ล้านบาท โดยหลักๆ มาจากขายแผงโซลาร์เซลล์ ส่วนรายได้จากงานบริการค่อนข้างทรงตัวเพิ่มขึ้น 2% จาก 142.67 ล้านบาท เป็น 145.54 ล้านบาท สิ้นไตรมาส 1 บริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog 1,585 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมมูลค่าสัญญาโซลาร์รูฟท็อป พีพีเอ ที่รับรู้เพิ่มในเดือนเมษายนอีกราว 420 ล้านบาท และลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่อีกกว่า 1 พันล้านบาท ทำให้งานในมือปัจจุบันมีมูลค่าเพิ่มเป็น 3 พันล้านบาท
 
“กำไรขั้นต้นเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า คือจากกำไร 8.18 ล้านบาท เป็นกำไร 37.74 ล้านบาท ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นชัดเจน โดยมียอดขาดทุนสุทธิเพียง 7.50 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมียอดขาดทุนสุทธิถึง 32.09 ล้านบาท” นายสมบุญ กล่าว
 
นายสมบุญ กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทยังคงเดินหน้าเพื่อให้บริการโครงข่ายรองรับการเติบโต ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น ASEAN DIGITAL HUB ควบคู่กับการขยายบริการสู่กิจการด้านพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะและพลังงานทดแทน รวมถึงการเสริมสร้างบริการสนับสนุนการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองอัจฉริยะ โดยอาศัยแอปพลิเคชัน-แพลตฟอร์มต่างๆ
 
โดยธุรกิจโครงข่ายไฟเบอร์ใยแก้วนำแสง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักแต่เดิม บริษัทได้วางโครงข่ายหลัก (Backbone Network) ลงทุนครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศเรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีการสร้างสถานีฐานเพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายของผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง พม่า ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย โดยมีการลงทุนผ่านกิจการร่วมค้า คือ บริษัท สมาร์ท อินฟราเนท จำกัด และบริษัท อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าภายในประเทศ และลงทุนผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกทเวย์ จำกัด เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในต่างประเทศ รวมถึงลงทุนผ่านบริษัทร่วมคือ เมียนมาร์ อินฟอร์เมชั่น จำกัด ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ลูกค้าในเมืองย่างกุ้ง 
 
“งานบริการโครงข่ายยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างสถานีชายฝั่งเพื่อให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายภาคพื้นน้ำ (Cable Landing Station - CLS) ในจังหวัดสตูลแล้วเสร็จ พร้อมส่งมอบให้ลูกค้า และจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2565” นายสมบุญ กล่าว
 
จากความสำเร็จในโครงการแรกที่บริษัทได้ให้บริการ CLS กับลูกค้าต่างประเทศที่เป็นผู้ให้บริการข้อมูลรายใหญ่ได้ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือของบริษัท นำไปสู่การขยายฐานลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่เพิ่มได้อีก 1 ราย มีสัญญาระยะยาว 20 ปี มูลค่ารวมตลอดอายุสัญญากว่า 1 พันล้านบาท ได้ลงนามสัญญากับลูกค้าแล้วเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
 
ในส่วนของธุรกิจบริการจัดการพลังงานที่บริษัทได้ขยายงานเพิ่มเติม โดยเป็นผู้ลงทุนและติดตั้งระบบและอุปกรณ์ Solar Rooftop ให้ภาครัฐและภาคเอกชน เช่น ผู้ประกอบการโรงงานและอุตสาหกรรมขนาดกลาง เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้ลูกค้าเพื่อใช้งาน ซึ่งมีราคาถูกว่าค่าไฟฟ้าที่ลูกค้าต้องจ่าย ปัจจุบันบริษัทมีสัญญากับลูกค้าแล้วกว่า 10 ราย ขนาดกำลังการผลิตรวม 10 เมกะวัตต์ สัญญาอายุตั้งแต่ 10-20 ปี มูลค่าสัญญารวมประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างรายได้ให้บริษัทประมาณปีละ 37 ล้านบาท (กำลังการผลิตเต็มปี)
กำลังโหลดความคิดเห็น