ตลาดหุ้นไทยปิดบวกกว่า +23.56 จุด โบรกฯ ชี้ปัจจัยจากจีนหนุน เหตุเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ แนะนักลงทุนไม่ควรประมาท จับตาแนวโน้มวันพรุ่งนี้กับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยเฉพาะประเด็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หรืออาจมีเซอร์ไพรส์ 0.50% สกัดตลาดคริปโตฯ ด้วย พร้อมประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,675-1,685 จุด และแนวรับที่ 1,650-1,640 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 16 มี.ค.65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +23.56 จุด หรือ +1.43% โดยปิดตลาดที่ 1,667.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 78,168.02 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนวันนี้ ดัชนี SET INDEX แกว่งตัวเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,668.95 จุด ขณะที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,653.87 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 1,466 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 436 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 493 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -6,134.77 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -463.45 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 6,257.03 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 341.19 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,834.51 ล้านบาท ปิดที่ 162.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
2.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 4,377.47 ล้านบาท ปิดที่ 147.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
3.KCE มูลค่าการซื้อขาย 2,427.76 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,240.21 ล้านบาท ปิดที่ 67.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
5.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,669.37 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KCE ปิดที่ 63.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท หรือ 9.57%
2.KBANK ปิดที่ 162.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 2.52%
3.HANA ปิดที่ 47.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 6.74%
4.SCB ปิดที่ 120.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 2.55%
5.ADVANC ปิดที่้ 235.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.29%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BDMS ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.88%
2.BH ปิดที่ 165.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.30%
3.BLA ปิดที่ 41.00 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.61%
4.DTAC ปิดที่ 46.50 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.53%
5.TTA ปิดที่ 10.10 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.98%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,294.20 จุด เพิ่มขึ้น 31.39 จุด หรือ 1.39% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,011.95 จุด เพิ่มขึ้น 13.23 จุด หรือ 1.32% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 605.30 จุด ลดลง -1.62 จุด หรือ -0.27%
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยวันนี้มีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมมาจากการที่จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากมีการล็อกดาวน์หลายเมือง เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุน sentiment เพราะมองว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกไม่ให้ชะลอตัวลงไปมาก
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองนั้นมีการหมุนเวียนกลุ่มซื้อขาย โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับแรงกดดันและมีแรงขายออกมามากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มสถาบันการเงิน หุ้นกลุ่มค้าปลีก และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ตลอดจนหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของดัชนีในวันนี้ด้วย
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้มองว่าขึ้นกับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หากออกมาเป็นไปตามคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มองว่าดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นต่อ แต่หากมีเซอร์ไพรส์ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จะกดดันให้ดัชนีปรับตัวลง แต่ยังต้องติดตามคาดการณ์เงินเฟ้อและการเดินหน้าลดขนาด QE ด้วย โดยประเมินกรอบดัชนีแนวต้านที่ 1,675-1,685 จุด และแนวรับที่ 1,650-1,640 จุด