SET INDEX ปิดตลาดปรับตุวลดลง -45.02 จุด โบรก ฯ ชี้แนวโน้มความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อกดดันหุ้นไทยต่อเนื่อง เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อโยกเข้าไปที่สินทรัพย์ปลอดภัย แนะใช้ความระมัดระวังในการลงทุนช่วงนี้ให้มาก พร้อมประเมินกรอบการลงทุนโดยให้แนวต้านที่ 1,640 จุด และ แนวรับ 1,620 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 7 มีนาคม 2565 ปรับตัวลดลงกว่า -45.02 จุด หรือ -2.69% โดยปิดตลาดที่ 1,626.70 จุด มูลค่าการซื้อขาย 127,806.20 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ SET INDEX แกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,655.19 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,616.08 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 316 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 140 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,948 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 11,758.30 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -6,583.65 ล้านบาท ส่วน บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -2,881.04 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -2,293.61 ล้านบาทบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 6,840.92 ล้านบาท ปิดที่ 153.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,465.09 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท ลดลง 7.00 บาท
3.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 5,173.04 ล้านบาท ปิดที่ 12.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
4.PTT มูลค่าการซื้อขาย 4,564.00 ล้านบาท ปิดที่ 38.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
5.GULF มูลค่าการซื้อขาย 3,926.36 ล้านบาท ปิดที่ 46.50 บาท ลดลง 3.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
PTTEP ปิดที่ 153.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.99%
BANPU ปิดที่ 12.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 3.42%
BCH ปิดที่ 19.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.51%
CHG ปิดที่ 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาทหรือ 0.56%
(วันนี้ SET100 หุ้นที่ราคาบวกมีเพียง 4 ตัวเท่านั้น )
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
SCC ปิดที่ 371.00 บาท ลดลง 10.00 บาท หรือ 2.62%
KBANK ปิดที่ 154.00 บาท ลดลง 7.00 บาท หรือ 4.35
BBL ปิดที่ 129.00 บาท ลดลง 6.00 บาทหรือ 4.44%
ADVANC ปิดที่ 226.00 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ 2.59%
EGCO ปิดที่ 170.50 บาท ลดลง 5.50 บาท หรือ 3.12%
ด้านดัชนี SET100 ปิดที่ 2,228.01 จุด ลดลง -61.36 จุด หรือ -2.68% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 983.58 จุด ลดลง -26.10 จุด หรือ -2.58% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 606.45 จุด ลดลง -24.51 จุด หรือ -3.88%
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรง เป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ตอบรับความกังวลของนักลงทุนในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ประกอบมาตรการคว่ำบาตรที่ตอบโต้กันที่อาจมีออกมาเพิ่มเติม จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจโลกให้กลับไปชะลอตัวได้ ทำให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อโยกเข้าไปที่สินทรัพย์ปลอดภัย
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิคหลังคงไปแรงมาก แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก อาจทำให้ดัชนีมีความผันผวน แนะเกาะติดความคืบหน้าสถานการณ์ในยูเครน และใช้ความระมัดระวังในการลงทุนช่วงนี้ให้มาก อย่างไรก็ตาม สามารถเก็งกำไรหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงกลั่นและพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันพุ่ง พร้อมประเมินแนวต้าน 1,640 จุด และ แนวรับ 1,620 จุด