ตลาดหุ้นปี 2564 ปิดฉากลงที่ดัชนี 1,657.62 จุด เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 ในอัตรา 14.37% ซึ่งถือเป็นอีกปีที่ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดี แต่มีหุ้นอีกหลายร้อยบริษัทที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้น
การรวบรวมข้อมูลหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100% ในปี 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 152 บริษัท และมี 4 บริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินกว่า 1,000% ประกอบด้วย หุ้นบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS
สิ้นปี 2563 ราคาหุ้น JTS ปิดที่ 1.93 สตางค์ แต่สิ้นปี 2564 ปิดที่ 131 บาท เพิ่มขึ้น 129.07 บาท หรือเพิ่มขึ้น 6,688%
หุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจากบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC จากราคาปิด 63 สตางค์ เมื่อสิ้นปี 2563 พุ่งขึ้นมาปิดที่ 19.40 บาท เพิ่มขึ้น 18.77 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2,979%
หุ้นบริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSG จากราคาปิดที่ 4 สตางค์ เมื่อสิ้นปี 2563 พุ่งขึ้นมาปิดที่ 58 สตางค์ เพิ่มขึ้น 54 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 1,350%
และหุ้นบริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY จากราคา 1.81 บาท ขึ้นมาปิดเมื่อสิ้นปี 2564 ที่ 24.70 บาท เพิ่มขึ้น 22.26 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1,265%
หุ้นที่ราคาพุ่งขึ้นเกิน 100% ในปี 2564 ที่เหลืออีก 148 ตัว ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นลดหลั่นกันไป ตั้งแต่กว่า 700% 600% 500% จนเหลือระดับ 100% โดยหุ้นตัวสุดท้าย หรือลำดับที่ 152 ซึ่งราคาพุ่งเกิน 100% คือ หุ้น บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKR
หุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นเกิน 100% ส่วนใหญ่จดทะเบียนในตลาด MAI และมีหุ้นหลายตัวที่ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง แต่ราคากลับพุ่งทะยาน สวนทางผลประกอบการ รวมทั้งมีหุ้นอีกนับสิบตัวที่มีค่าพี/อี เรโช ระดับ 500 เท่า แต่ราคาถูกลากขึ้นอย่างร้อนแรง
แม้จะมีหุ้นจำนวน 152 ตัวให้ผลตอบแทนปี 2564 เกินกว่า 100% แต่นักลงทุนจำนวนน้อยที่สามารถเก็บเกี่ยวกำไรในปีที่ผ่านมาสูงกว่า 100% โดยเฉพาะนักลงทุนที่ลงทุนในเชิงอนุรักษ์ และยึดหลักปัจจัยพื้นฐานในการพิจารณาเลือกหุ้น
เพราะหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีปีที่ผ่านมาไม่โดดเด่น ราคาปรับตัวขึ้นน้อยกว่าหุ้นเก็งกำไรที่มีการสร้างข่าวดีกระตุ้น
อย่างไรก็ตาม ทิศทางการลงทุนปีนี้จะเปลี่ยนจากปีที่ผ่านมา โดยหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนจะกลับมาได้รับความสนใจ ส่วนหุ้นเก็งกำไรที่ขาดปัจจัยพื้นฐานรองรับ จะซบเซาลง
การเก็งภาษีจากการขายหุ้นในอัตรา 0.10% จะทำให้การซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้นมีต้นทุนที่สูงขึ้น จนไม่คุ้มกับการเก็งกำไร และนักลงทุนขาใหญ่ หรือเจ้ามือหุ้นอาจต้องล้างมือจากการปั่นหุ้น เพราะเสี่ยงกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว
หุ้นปั่น หรือหุ้นเก็งกำไรจะหลุดจากกระแสความนิยม และอาจตกอยู่ในสภาพตายซาก ไม่มีใครปลุกผีให้คึกคักเหมือนปีก่อน
สิ่งที่น่าจับตาคือ หุ้นที่ราคาถูกลากขึ้นไปสู่ลิ่ว และทำให้นักลงทุนที่แห่เข้าไปเก็งติดค้างอยู่บนยอดดอย ปีนี้จะร้อนแรงได้ต่อหรือไม่
ขาใหญ่ หรือเจ้ามือหุ้นจะถอดใจในการปั่น ปล่อยให้ร่วงกลับสู่พื้นฐานที่เป็นจริงหรือไม่
นักลงทุนที่มีหุ้นร้อน ราคาวิ่งเกิน 100% ทั้ง 152 บริษัท และยังถือหุ้นถือติดมืออยู่ต้องพิจารณาด่วน ควรจะหาทางเผ่นออกก่อนดีกว่าไหม
เพราะปีนี้หุ้นร้อนทั้งหลายมีสิทธิสิ้นฤทธิ์เพราะพิษของภาษีขายหุ้น 0.10%