JMART...ปีแห่งการสร้างพวก / สุนันท์ ศรีจันทรา

ปี 2564 มีหุ้นโดดเด่นขึ้นมาหลายกลุ่ม โดยบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มที่คึกคัก

หุ้นกลุ่มที่ถูกจับตาเป็นพิเศษในปีที่ผ่านมา มีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วย กลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และกลุ่ม JMART

การเทกโอเวอร์ หรือครอบงำกิจการบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เมื่อกลางเดือนเมษายน 2564 โดยประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้น ทำให้ GULF ผงาดขึ้นมาเป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ รองจากกลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT

เพราะเมื่อครอบงำกิจการ INTUCH ทำให้ GULF ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ในทางอ้อม

หลังประกาศเทกโอเวอร์ หุ้นกลุ่ม GULF ขยับฐานราคาขึ้นมายกแผง และกลายเป็นหุ้นกลุ่มเด่น

ส่วน EA เป็นหุ้นที่ทำท่าจะมาแรงในช่วงต้นปี หลังเปิดตัวโครงการผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้าและโครงการผลิตรถไฟฟ้า แต่แผนการผลิตต้องเลื่อนออกไป ทำให้ไม่สามารถรับรู้รายได้จากโครงการลงทุนใหม่ตามกำหนด ราคาหุ้นจึงแผ่วลง

แต่เมื่อการผลิตเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม มีการทยอยส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้า ราคาหุ้น EA จึงพุ่งทะยานในช่วงปลายปี และดึงบริษัทในกลุ่มคือ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX พุ่งตามขึ้นมา

พร้อมกับบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ซึ่งเปลี่ยนชื่อจากบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC ที่นักลงทุนเชื่อกันว่า นายสมโภชน์ อาหุนัย ผู้ถือหุ้นใหญ่ EA ถือหุ้นใหญ่ในทางอ้อม ก็วิ่งแรงตามมาด้วย

สำหรับกลุ่ม JMART ซึ่งบริษัทในกลุ่มประกอบด้วย บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ตเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และบริษัท เจเอเอส แอสเซท จำกัด (มหาชน) หรือ J ปี 2564 ถือเป็นปีทองของทั้งกลุ่ม เพราะมีข่าวดีกระตุ้นราคาหุ้นตลอดทั้งปี

หุ้นกลุ่ม JMART ทั้ง 4 บริษัทมีงบการเงินเหมือนกับถอดแบบกันมา เพราะปี 2561 ผลประกอบการขาดทุนเหมือนกันหมด แต่ปี 2562 พลิกกลับมากำไรทั้งหมด และกำไรเติบโตต่อเนื่องจนถึงปี 2564

ราคาหุ้นทั้งกลุ่มปรับตัวขึ้นเกินกว่า 100% ในปี 2564 จนส่วนใหญ่มีค่าพี/อี เรโชสูงกว่า 50 เท่า

แต่ราคาหุ้นที่วิ่งมาราธอนตลอด 12 เดือน ไม่เกิดจากแรงขับเคลื่อนของผลประกอบการเพียงอย่างเดียว แต่มีข่าวดีกระตุ้นมาเป็นระยะ โดยเฉพาะการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจอื่น

JMART เริ่มต้นสู่ศักราชใหม่ปี 2564 ด้วยการประกาศข่าวดีเมื่อปลายเดือนมกราคม การบรรลุข้อตกลง บริษัท KB KOOKMIN CARD จำกัด ของเกาหลีใต้ บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตชั้นนำ ร่วมทุนในบริษัท ฟินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ JMART

ต่อมา กลางเดือนกุมภาพันธ์ ประกาศให้ TIS INC เข้าถือหุ้นในบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก ในสัดส่วน 16.67% ของทุนจดทะเบียน และจะทำให้บริษัทรับประโยชน์การถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ลงทุนใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน IT ระดับโลก

ปลายเดือนสิงหาคมประกาศเพิ่มทุน นำหุ้นจำนวน 206.24 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท เสนอขายให้บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ในราคาหุ้นละ 30.3370 บาท และจัดสรรหุ้นใหม่จำนวน 136.11 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท เสนอขายให้บริษัท ยูซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U ในราคาหุ้นละ 30.3370 บาท โดย VGI และ U เป็นบริษัทในกลุ่มของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ประกาศร่วมทุนกับบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ในธุรกิจ SOLAR LOOFTOP ทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท โดย GUNKUL ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของทุนจดทะเบียน JMART ถือหุ้น 40.1% และ SINGER ถือหุ้น 9.9%

ขณะที่ JMT ประกาศเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม เข้าร่วมลงทุนกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เพื่อดำเนินธุรกิจบริการติดตามหนี้และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดย JMT อาจถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจติดตามหนี้

เช่นเดียวกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยบริษัทลูก KBANK ถือหุ้นมากกว่า 50%

ส่วน SINGER ประกาศเมื่อปลายเดือนสิงหาคม นำหุ้นเพิ่มทุน 197.10 ล้านหุ้น จัดสรรให้ U ในราคาหุ้นละ 36.3005 บาท

หุ้นกลุ่ม JMART แทบทุกตัวมีข่าวหนุนราคา เหลือเพียงหุ้น J เพียงตัวเดียวที่ไม่มีข่าวดีหนุน แต่ราคากลับพุ่งทะยาน จากต้นปีราคาเคลื่อนไหวเพียง 1 บาทเศษ แต่ปลายปีราคาขยับขึ้นมาแถว 5 บาท เป็นหุ้นที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายนับไม่ถ้วน แต่ไม่อาจสยบความร้อนแรงได้

ปีที่ผ่านมา นักลงทุนที่เข้าไปเล่นหุ้นกลุ่ม JMART รวยกันถ้วนหน้า รวยจากข่าวการสร้างพันธมิตรใหม่

ปี 2564 จึงเป็นปีแห่งการสร้างพวกของกลุ่ม JMART จริงๆ และต้องรอดูปี 2565 กลุ่ม JMART จะสร้างข่าวดีอะไรมากระตุ้นราคาหุ้นอีก