จุดจบ “เด็กแนว”...นักวิเคราะห์สายเชียร์ / สุนันท์ ศรีจันทรา

อนาคตของนายรณกฤต สารินวงศ์ ฉายา "เด็กแนว" อดีตนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์หลายสำนักดับวูบลงแล้ว หลังถูกลงโทษปรับ 1.08 ล้านบาท ในความผิดเผยแพร่ข้อความที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในหุ้นบริษัท ซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JCKH และหุ้นบริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ RPC

นายรณกฤต คร่ำหวอดในตลาดหุ้นมาหลายสิบปี เป็นที่รู้จักในฐานะนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิคที่เร่าร้อน มีหุ้นรายตัวมานำเสนอให้นักลงทุนเก็งกำไรได้ทุกวัน

และเคยได้รับเชิญจากสื่อทีวีและวิทยุ รวมทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ให้เป็นนักวิเคราะห์ประจำรายการหุ้น นอกจากนั้น ยังมีคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์หุ้น จึงมีเวทีในการเชียร์หุ้น

ถ้าเชียร์หุ้นตัวใดจะแนะนำฝ่ายรายการทีวี วิทยุและคอลัมน์ในสื่อสิ่งพิมพ์ในระบบลูกโซ่

ปัจจุบัน นายรณกฤต มีฐานะเป็นบรรณาธิการร่วม “มิติหุ้น” ซึ่งเปิดกลุ่มไลน์พิเศษรับสมาชิก ค่าสมัครรายละ 6,000 บาทต่อปี โดยโฆษณาว่า ผู้ที่เป็นสมาชิกจะได้ซื้อหุ้นก่อนคนอื่น และมีหุ้นเด่นหุ้นเด็ด รวมทั้งมีการแนะนำการลงทุน มีนายรณกฤต เป็นกูรู

การกุข่าว JCKH และ RPC มีเป้าหมายเดียวคือ การผลักดันราคาหุ้นให้ขึ้นเพื่อให้สมาชิกกลุ่มไลน์ได้กำไร เพราะแนะนำให้ซื้อหุ้นไว้ก่อน ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มไลน์เข้าซื้อหุ้น JCKH และ RPC และได้กำไร

ก.ล.ต.ไม่ได้ระบุว่ามีใครเข้าไปซื้อหุ้น JCKH และ RPC ก่อนสมาชิกกลุ่มไลน์อีกหรือไม่ เพราะนักเชียร์หุ้นส่วนใหญ่มักจะซื้อหุ้นเข้าพอร์ตตัวเองไว้ก่อน จึงแนะนำให้ลูกค้าซื้อตาม

นักวิเคราะห์หุ้นหลายคนสถาปนาตัวเองเป็นกูรูหุ้น และเชียร์ให้ลูกค้าซื้อหุ้นรายตัวในแต่ละวัน หลังจากนั้นจะเชียร์หุ้นผ่านสื่อ เพื่อให้นักลงทุนทั่วไปตามแห่เก็งกำไร เมื่อราคาหุ้นขึ้น จึงแนะนำให้ลูกค้าตัวเองชิงขายทำกำไร

แต่กรณีของ "มิติหุ้น" มีพฤติกรรมที่เลวร้ายกว่า เพราะไม่เพียงเชียร์หรือชี้นำหุ้นเท่านั้น แต่ถึงขั้นสร้างข่าวอันเป็นเท็จเพื่อปั่นราคาหุ้นเลยทีเดียว

คำถามคือ มีเพียงหุ้น JCKH และ RPC หรือไม่ที่ “มิติหุ้น” และนายรณกฤต กุข่าวกระตุ้นราคา เพราะถ้าติดตามการนำเสนอข่าวของ “มิติหุ้น” และการเชียร์หุ้นของนายรณกฤต ยังมีหุ้นตัวอื่นอีกที่ถูกกุข่าวเพื่อกระตุ้นราคา

นักลงทุนที่ตามแห่เก็งกำไรต้องได้รับความเสียหาย เพราะเข้าไปซื้อหุ้นต้นทุนสูง ขณะที่ลูกค้ากลุ่มไลน์ "มิติหุ้น" ซื้อหุ้นต้นทุนต่ำดักหน้าไว้

“มิติหุ้น” มองเพียงรายได้จากค่าสมาชิกกลุ่มไลน์ โดยยิ่งปั่นราคาหุ้นตัวใดสำเร็จ สมาชิกกลุ่มไลน์ได้กำไร ยิ่งเป็นจุดขายในการโฆษณาชวนนักลงทุนให้สมัครเป็นสมาชิกเพิ่มมากขึ้น และไม่ตระหนักถึงความเสียหายของนักลงทุนที่หลงกล แห่ไล่ซื้อหุ้นตามเสียงเชียร์

นายรณกฤต แม้เป็นนักวิเคราะห์หุ้นมาหลายสิบปี แต่ไม่รู้ว่ายังมีสถานภาพเป็นนักวิเคราะห์หุ้นอยู่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นนักวิเคราะห์หุ้นหรือผู้ให้คำแนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต การถูก ก.ล.ต.ดำเนินคดี น่าจะต้องถูกขึ้นบัญชีดำ พ้นจากการเป็นนักวิเคราะห์หุ้นหรือผู้ให้คำแนะนำการลงทุน

แต่ ก.ล.ต.ไม่ได้มีคำสั่งลงโทษทางปกครอง หรือไม่มีคำสั่งให้พักใบอนุญาตนายรณกฤต ซึ่งอาจเป็นเพราะนายรณกฤต ไม่อยู่ในฐานะนักวิเคราะห์หุ้นหรือผู้ให้คำแนะนำหุ้นที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. แล้ว

ถ้าหมดสถานภาพการเป็นนักวิเคราะห์ที่มีใบอนุญาต และหันมาสวมคราบความเป็นสื่อ นายรณกฤต ไม่มีสิทธิให้คำแนะนำหุ้นรายตัว เช่นเดียวกับสื่อหุ้นอีกหลายคนที่ตั้งตัวเป็นกูรูหุ้น วิเคราะห์และให้คำแนะนำหุ้นอย่างโจ๋งครึ่ม มีทั้งหุ้นเด่นหุ้นเด็ด ทั้งที่ผิดกฎหมาย แต่ ก.ล.ต. กลับไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับสื่อเท่านั้น

คนที่สร้างภาพเป็นกูรูเพื่อหากินในตลาดหุ้น มักอวดอ้างว่ามี “หุ้นเด็ด” เพื่อเรียกเรตติ้งตัวเอง แต่นักลงทุนไม่เคยตั้งคำถามว่า

บรรดากูรูหุ้นอวดอ้างทั้งหลาย ถ้าเก่งจริง มีหุ้นทีเด็ดจริง ทำไมไม่เปิดบัญชีเล่นหุ้นเอง ทำไมต้องลงมาหากินกับค่าสมาชิกหรือเงินจากค่าสัมมนาหุ้น

ถ้ามีหุ้นทีเด็ดจริง ทำไมไม่บอกกับญาติพี่น้องให้ซื้อ รวยกันในกลุ่มญาติพี่น้องเท่านั้น

“มิติหุ้น” ที่หากินกับการใบ้หุ้นผ่านกลุ่มไลน์พิเศษ การถูก ก.ล.ต. เปิดโปงพฤติกรรมจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ และส่งผลต่อการดำรงอยู่ของสื่อหุ้นสำนักนี้

เพราะคงไม่กล้าใบ้หุ้น เชียร์หรือชี้นำหุ้น และกุข่าวปั่นราคาหุ้นอีก ซึ่งจะทำให้หมดจุดขาย เพื่อโกยเงินจากค่าสมาชิกกลุ่มไลน์พิเศษ

ส่วนนายรณกฤต หรือ "เด็กแนว" อาจต้องปิดฉากอาชีพนักวิเคราะห์หุ้นสายเชียร์

การเชือด “มิติหุ้น”และนายรณกฤต จะทำให้นักลงทุนหูตาสว่างมากขึ้น รู้แล้วว่าหุ้นทีเด็ดที่นักต้มตุ๋นเชียร์กันนั้น จริงๆ แล้วไม่มี

ต่อไปคงไม่ยอมให้นักวิเคราะห์หรือกูรูหุ้นคนใดแหกตาง่ายๆ แล้ว