ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายธุรกิจต่างต้องการเก็บเงินสดไว้กับตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อต่อลมหายใจให้ธุรกิจก้าวผ่านจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ แต่จะดีกว่าหรือไม่ถ้าสามารถเก็บเงินสด ลดค่าใช้จ่าย แล้วยังเพิ่มยอดขาย รวมทั้งขยายพันธมิตรทางธุรกิจไปพร้อมกัน โดยใช้เครื่องมือ “บาร์เทอร์คาร์ด” โดยการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแทนการใช้เงินสด บนฐานสมาชิกกว่า 3,000 ธุรกิจในประเทศไทย และ 35,000 ธุรกิจจากทั่วโลก ตัวช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดรายจ่าย เซฟเงินในกระเป๋าไว้ใช้กับเรื่องจำเป็น ในภาวะการณ์เช่นปัจจุบัน
นางสาวเรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด สะท้อนความจำเป็นในการเก็บกระแสเงินสดของเอสเอ็มอีปัจจุบันว่า “ด้วยภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ซบเซา ซ้ำเติมด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ภาคธุรกิจจำนวนมากต้องล้มและปิดกิจการ สาเหตุใหญ่มาจากระแสเงินสดสำรองไม่เพียงพอ จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าวันนี้ผู้ประกอบการ สามารถเก็บกระแสเงินสดที่มีอยู่จำกัดไปใช้กับเรื่องที่จำเป็นที่สุดสำหรับธุรกิจ โดยค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าโฆษณา ค่าแพกเกจจิ้ง ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ค่าทำการตลาด ค่าออกบูธแสดงสินค้า ฯลฯ สามารถจ่ายโดยใช้การแลกเปลี่ยนสินค้าแทน
“บาร์เทอร์คาร์ด” เป็น International Trade Exchange เต็มตัว ทำงานผ่านแพลตฟอร์มเดียวกันที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด มีสมาชิกในประเทศไทยราว 3,000 กว่าธุรกิจ และสมาชิกทั่วโลก 35,000 ธุรกิจ มีนักธุรกิจที่ใช้บัตรบาร์เทอร์คาร์ดกว่า 55,000 นักธุรกิจ ที่สำคัญยังเป็นสมาชิกของ IRTA เป็นองค์กรที่ดูแลผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนที่ผ่านมาตรฐานของแต่ละประเทศในโลก จึงเป็นตัวกลางที่ดีในการบริหารจัดการให้เอสเอ็มอีสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ กับฐานสมาชิกที่มากพอตั้งแต่ธุรกิจเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ อาทิ อุปกรณ์สำนักงาน โรงงานผลิตยูนิฟอร์ม การทำบัญชี โฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น จึงทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนได้จริง ผ่านเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลหลังบ้านอย่างเป็นระบบ บนแนวทางการทำงานร่วมกับลูกค้า เป็นผู้ช่วยฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายขาย ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับลูกค้า 10-15% และ ลดค่าใช้จ่าย 10-50% ดังนั้นลูกค้าจะได้รับประโยชน์คือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ลดค่าใช้จ่าย และสร้างพันธมิตรให้กับธุรกิจ
ธุรกิจที่สนใจใช้บริการบาร์เทอร์คาร์ด ต้องตอบ 2 คำถามง่ายๆ คือ วันนี้ธุรกิจคุณยังสามารถรับลูกค้าเพิ่มได้หรือไม่ และ วันนี้ธุรกิจมีกำไรมากกว่า 20% หรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ แสดงว่าธุรกิจคุณสามารถที่จะได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนโดยที่มีบาร์เทอร์คาร์ดเป็นตัวกลาง โดยการเข้าร่วมเป็นสมาชิกบาร์เทอร์คาร์ด มี 3 แพกเกจ คือ 1. Corporate ค่าแรกเข้า 18,000 บาท ได้วงเงินเริ่มต้น 50,000 เทรดบาท 2. Corporate Plus ค่าแรกเข้า 28,000 บาท ได้วงเงินเริ่มต้น 80,000 เทรดบาท และ 3. Corporate Premium ค่าแรกเข้า 50,000 บาท ได้วงเงินเริ่มต้น 200,000 เทรดบาท ซึ่งค่าแรกเข้าเป็นการจ่ายเพียงครั้งเดียว และยังมีวงเงินเริ่มต้นปลอดดอกเบี้ยให้ธุรกิจสามารถนำไปใช้จ่ายได้ทันที เมื่อมีการใช้วงเงินเกิดขึ้นสามารถจ่ายคืนด้วยสินค้าหรือบริการของธุรกิจตนเอง โดยมีบาร์เทอร์คาร์ดทำหน้าที่เป็นทีมการตลาด สร้างยอดขายเพิ่มให้กับธุรกิจ
“สิ่งที่บาร์เทอร์คาร์ดจะได้รับ คือ ค่าแรกเข้าซึ่งจ่ายเพียงครั้งเดียว ส่วนที่สอง คือค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการทำธุรกรรม ดั้งนั้น บาร์เทอร์คาร์ดจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้ลูกค้าแต่ละรายสามารถซื้อและขายให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันบาร์เทอร์คาร์ดมียอดแลกเปลี่ยนในเมืองไทยประมาณ 75-80 ล้านบาทต่อเดือน โดยปี 2564 นี้ ตั้งเป้าหมายการแลกเปลี่ยนไว้ที่ 925 ล้านบาท และมุ่งหวังที่จะเปิดลูกค้าใหม่อย่างน้อยปีละ 600 ธุรกิจ
ทุกวันนี้การทำธุรกิจของเอสเอ็มอีเริ่มต้นง่าย แต่การจะทำให้ธุรกิจอยู่รอดและประสบความสำเร็จเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุมเข้ามาสร้างผลกระทบร่วมด้วย การรักษากระแสเงินสดไว้ในธุรกิจเพื่อเก็บไว้ใช้ในเรื่องจำเป็นเป็นสิ่งสำคัญมาก อยากให้ลองเปิดรับเครื่องมือที่เรียกว่าระบบบาร์เทอร์เข้ามาช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บรักษาเงินสดเอาไว้ได้ และ ใช้การแลกเปลี่ยนมาเป็นเครื่องมือในการซื้อสินค้าและบริการ เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถลดค่าใช้จ่าย ในขณะเดียวกันยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่ สร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นด้วย” คุณเรวดีกล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อ โทร. 02-024-1000 www.bartercard.co.th