ดูเหมือนว่าปีนี้จะเป็นการย้อนยุคของหุ้นปั่น เพราะมีหุ้นที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายปั่นนับร้อยบริษัท จนตลาดหลักทรัพย์กำราบปราบปรามไม่ไหว แม้จะใช้มาตรการกำกับการซื้อขายอย่างเข้มข้นสุดขีดแล้วก็ตาม
ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ออกประกาศด่วน ระหว่างพักการซื้อขายหุ้นในช่วงเช้าวันพุธที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา เตือนนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายหุ้น บริษัท ที เอ็นจิเนีร์ริ่ง คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ T
และสั่งให้โบรกเกอร์ดูแลการซื้อขายหุ้น T อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสมและไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์
ในรอบ 12 เดือน T เคยทรุดลงไปต่ำสุดที่ 2 สตางค์ ก่อนจะกระเตื้องขึ้นและเคลื่อนไหวอยู่แถว 6 สตางค์อยู่พักใหญ่
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น T ปิดที่ 6 สตางค์ หลังจากนั้นถูกลากขึ้นกลายเป็นหุ้นเล็กที่ร้อนแรง จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย แต่หุ้น T กลับวิ่งไม่หยุด ตลาดหลักทรัพย์จึงยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายเข้มข้นขึ้น
จากขั้นที่ 1 กำหนดให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสด หรือซื้อขายด้วยบัญชีแคชบัลลานซ์ สู่ขั้นที่ 2 ห้ามนำหุ้น T คำนวณเป็นวงเงินซื้อขายในทุกประเภทบัญชี และขั้นที่ 3 ห้ามหักกลบค่าซื้อขายหุ้นภายในวันเดียวกัน หรือห้ามเนทเซทเทิลเมนต์
แต่มาตรการดับความร้อนแรงของราคาหุ้นขั้นสูงสุดไม่อาจหยุด T ได้ โดยราคายังถูกลากขึ้นต่อ และเมื่อวันที่ 22 กันยายน ถูกลากขึ้นมาปิดที่ 40 สตางค์ ก่อนจะลากขึ้นไปสูงสุดที่ 43 สตางค์ ในระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 23 กันยายน และลงมาปิดที่ 38 สตางค์
ภายในเวลาเพียง 1 เดือนเศษ ราคาหุ้น T พุ่งจาก 6 สตางค์ ขึ้นมาปิดจุดสูงสุดที่ 40 สตางค์ เพิ่มขึ้น 34 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 566.66%
ถ้ามีข่าวดีสนับสนุนเป็นรูปธรรม ถ้าผลประกอบการสดใส กำไรเติบโตต่อเนื่อง หรือมีพัฒนาทางธุรกิจที่อาจทำให้แนวโน้มผลประกอบการกระเตื้องขึ้น ราคาหุ้น T ที่พุ่งทะยานขั้นมาม้วนเดียวในช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมาคงมีเหตุมีผลอธิบายได้
แต่บริษัทฯ ไม่มีพัฒนาการใดๆ ขณะที่ผลประกอบการย่ำแย่ ขาดทุนติดต่อกันหลายปี จนส่วนผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน และถูกตลาดหลักทรัพย์แขวนเครื่องหมาย “C” ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2561
ถ้าดูงบการเงินล่าสุด T ไม่ใช่หุ้นเทิร์นอะราวนด์ แต่เป็นหุ้นที่กำลังถดถอย โดยรายได้ลดฮวบลง และไม่เห็นสัญญาณการกลับมามีผลกำไร
ปี 2561 มีรายได้รวม 756.58 ล้านบาท แต่ขาดทุนสุทธิ 186.80 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 392.02 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 91.01 ล้านบาท ปี 2563 รายได้รวม 113.62 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 22.67 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวม 10.63 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 31.37 ล้านบาท
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน หุ้น T ควรจะอยู่ในช่วงขาลง นักลงทุนน่าจะชิงกันเทขายหุ้นทิ้ง แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งทะยาน สวนฐานะการเงินและการดำเนินงานที่ตกต่ำ โดยไม่รู้ว่า นักลงทุนกลุ่มไหนเข้ามาซื้อ และมีขาใหญ่หรือเจ้ามือเข้ามาลากราคาหรือไม่
การที่ตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายที่เข้มข้น และส่งสัญญาณเตือนภัยนักลงทุนให้ระมัดระวังการซื้อขายหุ้น จึงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เพราะ T สมควรแล้วสำหรับการเป็นหุ้นที่นักลงทุนควรหลีกเลี่ยง
ราคาที่วิ่งพรวดขึ้นมาถึงวันนี้ นอกจากมีคำถามว่า T วิ่งมาได้อย่างไรแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ควรจะต้องตรวจสอบด้วยว่า
มีใครอยู่เบื้องหลังการลากหุ้น T หรือไม่ เช่นเดียวกับหุ้นอีกนับสิบตัวที่ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งอย่างพิสดารผิดธรรมชาติ
บรรยากาศตลาดหุ้นช่วงนี้ย้อนยุคการเฟื่องฟูของหุ้นปั่นจริงๆ แมลงเม่าทั้งหลายต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
เพราะมีโอกาสพลาดท่าเสียทีเจ้ามือหุ้นที่กำลังอาละวาดหนัก เหมือนตลาดหลักทรัพย์ไม่มีขื่อมีแปลงโทษแก๊งปั่นหุ้น