หลังจากถูกลากขึ้นไปสูงสุดในรอบนี้ที่ราคา 87 สตางค์ ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ราคาหุ้น บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA ก็ปักหัวลงต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่ากำลังจะกลับบ้านเก่า
จากจุดปิดที่ 81 สตางค์ เมื่อวันที่ 10 กันยายน หลังจากนั้น หุ้น AJA ร่วงลงมาตลอด 4 วันทำการ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กันยายนปิดที่ 59 สตางค์ ลดลงรวม 22 สตางค์ หรือลดลง 27.16%
AJA ถูกลากขึ้นจากราคา 31 สตางค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม และจากมูลค่าซื้อขายวันละระดับ 10 ล้านบาท แต่ในช่วงที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง มูลค่าซื้อขายพองโตถึง 862 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 กันยายน
ตั้งแต่การพุ่งทะยานของ AJA ในรอบนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายมาตลอด แต่ไม่อาจดับความร้อนแรงของราคาหุ้นได้ จนกลายเป็นหุ้นอีกตัวที่ดื้อยา แม้ตลาดหลักทรัพย์จะเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับการซื้อขายขั้นสูงสุดระดับ 3 ก็ตาม
โดยกำหนดต้องซื้อขายด้วยเงินสด ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขายหุ้น และห้ามเนทเซทเทิลเมนต์ หรือหักกลบค่าชำระราคาซื้อหรือขายหุ้นในวันเดียวกัน เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนถึง 15 ตุลาคม แต่ยังมีการลาก AJA สวนควันปืนต่อไป และเพิ่งจะถูกถล่มขาย จนราคาเริ่มปักหัวลงตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน
ไม่ควรมีคำถามว่าทำไมหุ้น AJA จึงดิ่งลงมาแรง เพราะไม่มีเหตุผลใดมาอธิบาย เช่นเดียวกับช่วงที่หุ้นตัวนี้ถูกลากขึ้น ซึ่งไม่มีเหตุปัจจัยใดสนับสนุนเหมือนกัน โดยเฉพาะเหตุปัจจัยสนับสนุนในเชิงพื้นฐาน
เพราะ AJA ไม่สามารถคำนวณความเหมาะสมของราคาหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานได้ โดยไม่มีค่าพี/อี เรโช ไม่จ่ายเงินปันผลหลายปีติดต่อ เนื่องจากผลประกอบการขาดทุนมาตลอด
ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 186.91 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุน 370.24 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 132.08 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปีนี้ขาดทุนสุทธิ 38.67 ล้านบาท โดยมียอดขาดทุนสะสมรวม 611.39 ล้านบาท
AJA ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้เครื่องหมายการค้า “AJ” โดยมีนายอมร มีมะโน ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 11.70% ของทุนจดทะเบียน น.ส.จินตนา มีมะโน ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง ในสัดส่วน 7.22% น.ส.จินดา มีมะโน ถือหุ้นในสัดส่วน 2.57% และนายโชติอนันต์ แสงพงษ์พิทยา ถือหุ้นในสัดส่วน 2.42%
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ลงโทษปรับนายอมร และพวกรวม 40 คน รวมเป็นเงิน 1,727 ล้านบาท ซึ่งเป็นโทษปรับสูงสุดในประวัติการณ์ ตามความผิดฐานร่วมกันสร้างราคาหุ้นบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น AJA โดยมี น.ส.จินตนา น.ส.จินดา และนายโชติอนันต์ ติดร่างแหด้วย
การปั่นหุ้นจนถูก ก.ล.ต.ลงโทษปรับหนัก โดยการลากราคาหุ้นจาก 2.60 บาท ขึ้นไป 15 บาท และกลุ่มปั่นหุ้นได้เทขายหุ้นทำกำไรออกมา
หุ้น AJA รอบนี้ถูกลากจาก 31 สตางค์ ขึ้นไปสูงสุดที่ 87 สตางค์ ภายในเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ โดยไม่รู้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่ราคาทรุดลงมาแล้วเพราะมีการถล่มขายทำกำไร และไม่อาจคาดหมายว่า ราคาจะดิ่งลงมาเหลือเท่าไหร่
แต่มีแนวโน้มที่จะหมดรอบ AJA แล้ว และอาจถอยหลังกลับบ้านเก่าที่ระดับราคาเดิมก่อนถูกลากขึ้นมา
รายย่อยที่ตามแห่เก็งกำไรรอบนี้คงเจ็บหนักเช่นเดียวกับการปั่นหุ้น AJA ในรอบก่อน