ใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 6 หรือ MINT-W6 ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ปิดฉากลงแล้ว ทิ้งความเสียหายให้นักลงทุนที่เข้าไปเก็งกำไรอย่างหนัก แม้วันสุดท้ายของการซื้อขาย ก็ยังมีแมลงเม่าต้องเซ่นสังเวยอีกไม่น้อย
MINT-W6 ซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา และขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขาย โดยกำหนดให้ผู้ถือ แสดงเจตจำนงการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญระหว่างวันที่ 15-29 กันยายนนี้ ก่อนจะพ้นสภาพเป็นหลักทรัพย์ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
คณะกรรมการ MINT มีมติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 ออกวอร์แรนต์รุ่นที่ 6 จำนวน 230.94 หน่วย จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 20 หุ้นต่อ1 วอร์แรนท์ มีอายุ 2 ปี 4 เดือน 10 วัน กำหนดแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 1 วอร์แรนท์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ราคาแปลงสภาพ 43 บาท
ต่อมาได้มีการเพิ่มทุน จึงปรับอัตราการแปลงสภาพเป็น 1 วอร์แรนท์ต่อ 1.027 หุ้นสามัญ ราคาแปลงสภาพ 41.878 บาทต่อหุ้นสามัญ
MINT จัดเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม มีนักลงทุนแห่เข้าเก็งกำไรจำนวนมาก ทำให้จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมีสูงถึงจำนวน 45,358 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 61.42% ของทุนจดทะเบียน
ความเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม ทำให้วอร์แรนท์ได้รับความนิยมตามไปด้วย และฝ่ายบริหารบริษัทก็ขยับปั๊มวอร์แรนท์ออกมากระตุ้นราคาหุ้นเสียด้วย โดยออกวอร์แรนท์ถึง 9 รุ่น
รุ่นที่ยังซื้อขายกันอยู่คือ MINT-W7 ราคาแปลงสภาพ 21.60 บาท MINT-W8 ราคาแปลงสภาพ 28 บาท และ MINT-W9 ราคาแปลงสภาพ 31 บาท
วอร์แรนท์อีก 3 รุ่น ไม่รู้ชะตากรรมจะจบอย่างไร แต่สำหรับ MINT-W6 ปิดฉากลงแล้ว ด้วยโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของนักลงทุน เพราะราคารูดลงต่ำสุดตั้งแต่เข้าซื้อขาย โดยปิดที่ 1 สตางค์
ถ้าคำนวณจริง ๆ แล้ว MINT-W6 ถูกตีค่าเป็นศูนย์ไปแล้ว เพราะคงไม่มีนักลงทุนสติฟั่นเฟือนคนไหน นำไปแปลงสภาพ เพราะราคาหุ้นตัวแม่หรือราคาหุ้น MINT ปิดล่าสุดที่ 32 บาท ขณะที่ราคาแปลงสภาพกำหนดไว้ 41.878 บาท
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีสิ่งที่เหลือเชื่อเกิดขึ้นกับ MINT-W6 อยู่หลายประเด็น ประการแรก มีนักลงทุนนำวอร์แรนท์ไปแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ ทั้งที่ราคาหุ้นตัวแม่ต่ำกว่าราคาแปลงสภาพ
โดยปีนี้มีการแปลงสภาพ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีการนำวอร์แรนท์จำนวน 20,800 หน่วย ขอแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ ทั้งที่ราคาหุ้นตัวแม่ในกระดานเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 30 บาท
และวันที่ 17 พฤษภาคม มีการนำวอร์แรนท์จำนวน 78,170 หน่วย ขอแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ ทั้งที่ราคา MINT บนกระดานปิดในวันนั้นที่ 29.75 บาท
MINT-W6 เหลือค้างจากการแปลงสภาพจำนวนทั้งสิ้น 230.749 ล้านหุ้น ใครถือไว้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ไร้ค่าโดยปริยาย และเสียหายกันทุกคน
ราคา MINT-W6 เคยขึ้นสูงสุดที่ 1.74 บาท ก่อนจะปรับตัวลงมาต่อเนื่อง แต่ก็มีมูลค่าการซื้อขายวันละหลาย ๆ ล้านบาทมาต่อเนื่อง และสิ่งที่น่าประหลาดใจอีกประการคือ
ช่วงใกล้หมดอายุ MINT-W6 นักเก็งกำไรก็ยังตะลุมบอนกันอยู่ โดยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาถูกลากขึ้นไปปิดที่ 29 สตางค์ เพิ่มขึ้น 14 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 93.33% มูลค่าการซื้อขายพองโตถึง 232.05 ล้านบาท ขณะที่หุ้น MINT ปิดในวันเดียวกันที่ 32.75 บาท ลดลง 50 สตางค์
การซื้อขายวันสุดท้าย 6 กันยายนก็เหนือคำบรรยาย เพราะเห็นกันอยู่แล้วว่า ใครถือติดมือ หายนะแน่ และน่าจะเห็นการถล่มขายตั้งแต่เปิดตลาด แต่ปรากฎว่า MINT-W6 กลับเปิดการซื้อขายที่ 7 สตางค์ และมีแรงซื้อลากราคาขึ้นไปสูงสุด 14 สตางค์ ก่อนถูกถล่มขาย จึงรูดลงมาปิดที่ 1 สตางค์ ลดลง 9 สตางค์หรือลดลง 90% มูลค่าซื้อขาย 24.46 ล้านบาท
มีคำถามว่า นักเก็งกำไรที่แห่เข้าไปลุย MINT-W6 หน้ามืดกันหรือเปล่า ทำไมไม่กลัวตาย และรู้กันหรือไม่ว่า นรกรออยู่ เพราะถ้าขายไม่ทัน เงินที่ใส่ลงไปกลายเป็นศูนย์
ไม่รู้ว่า มีแมลงเม่าจำนวนกี่พันหรือกี่หมื่นรายที่เซ่นสังเวย MINT-W6
แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ นักลงทุนที่ถือ MINT-W6 ติดมืออยู่ จะเป็นนักลงทุนรายย่อยทั้งหมดหรือไม่
เพราะถ้ามีแต่นักลงทุนรายย่อย ๆ คำถามคือ นักลงทุนรายใหญ่หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ได้รับการจัดสรรวอร์แรนท์หายหัวไปไหน แอบเล่นแร่แปรธาตุ ขายทิ้งวอร์แรนท์แปลงสภาพเป็นเงินสดใส่กระเป๋าตั้งแต่เมื่อไหร่
บริษัทที่ออกวอร์แรนท์ถี่ยิบไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น มักเป็นบริษัทที่อันตรายเสมอ และนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงทั้งหุ้นตัวแม่และวอร์แรนท์
ตลาดหลักทรัพย์ควรรวบรวมความเสียหายจากวอร์แรนท์ และตีแผ่ข้อมูลเพื่อเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการเก็งกำไร เริ่มตั้งแต่ MINT-W6 นี่แหละ
สิ้นอายุไขแล้ว ตีแผ่ข้อมูลให้รู้ว่า มีนักลงทุนกลุ่มใดเหลือเท่าไหร่ ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ได้รับจัดสรรวอร์แรนท์จำนวนมาก ๆ ยังถืออยู่หรือไม่ หรือขายโกยกำไรเผ่นไปแล้ว
เหลือแต่นักลงทุนรายย่อย ๆ ที่ตายเป็นเบือกับ MINT-W6
