หุ้นกลุ่มบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และหุ้นกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เงียบเหงามาพักใหญ่แล้ว แต่ 2-3 วันที่ผ่านมา กลับสู่ความคึกคักหลังข่าวการร่วมทุน จับมือเป็นพันธมิตรกัน
กลุ่ม JMART เป็นพันธมิตรห่างๆ กับ BTS อยู่ก่อนแล้ว ผ่านบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ JMART ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 66.07% ของทุนจดทะเบียน โดย BTS ถือหุ้นในสัดส่วน 4.19%
การส่งบริษัทลูก BTS เข้าลงทุนในกลุ่ม JMART จะทำให้บริษัทจดทะเบียนขนาดกลางทั้ง 2 กลุ่มเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นมากขึ้น
JMART มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เกตแคป 36,140.44 ล้านบาท J มีมาร์เกตแคป 2,731.46 ล้านบาท ส่วนบริษัทลูกอีก 2 แห่งคือ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER มีมาร์เกตแคป 20,050.58 ล้านบาท และบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิส เซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT มีมาร์เกตแคป 46,682.66 ล้านบาท
มาร์เกตแคปรวมของกลุ่ม JMART สิ้นสุดวันที่ 26 สิงหาคม 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 105,605.14 ล้านบาท
ส่วน BTS มาร์เกตแคป 121,759.43 ล้านบาท บริษัทวีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI มีมาร์เกตแคป 53,819.79 ล้านบาท บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U มีมาร์เกตแคป 5,950.54 ล้านบาท
รวมมาร์เกตแคปกลุ่ม BTS มีจำนวน 181,529.75 ล้านบาท
การกระชับความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่างกลุ่ม BTS กับ JMART เกิดขึ้นโดย SINGER ประกาศเพิ่มทุน จะนำหุ้นใหม่จำนวน 96.34 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 5.1715.533 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 36.3005 บาท และนำหุ้นเพิ่มทุน 197.10 ล้านหุ้น เสนอขาย U ในราคาหุ้นละ 36,3005 บาท
รวมทั้งจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ หรือวอร์แรนต์ รุ่นที่ 3 จำนวน 11.55 ล้านหน่วยให้ U กำหนดสัดส่วนการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 1 วอร์แรนตต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 36.3005 บาท
ส่วน JMART จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 206.24 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท เสนอขาย VGI ในราคาหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่า 6,256.75 ล้านบาท พร้อมจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ หรือวอร์แรนต์รุ่นที่ 6 จำนวน 25.33 ล้านหน่วยฟรี อายุ 3 ปี 9 เดือน กำหนดสัดส่วนแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 30.3370 บาท
และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 136.11 ล้านหุ้น ให้ U ในราคา 30.3370 บาท มูลค่ารวม 4,129.45 ล้านบาท พร้อมแจกวอร์แรนต์รุ่นที่ 6 จำนวน 16.72 ล้านหน่วย
ส่วน JMT แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการร่วมทุนกับ BTS ก็ถือโอกาสประกาศเพิ่มทุนดูดเงินผู้ถือหุ้นด้วย โดยเพิ่มทุนจำนวน 311.57 ล้านหุ้น จัดสรรผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 4.558-5.042 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาพาร์ 50 สตางค์ เสนอขายในราคา 41.50 บาท พร้อมแจกวอร์แรนต์รุ่นที่ 4 ในสัดส่วน 3.418 หุ้นใหม่ต่อ 1 วอร์แรนต์ ราคาแปลงสภาพ 90 บาท
การเข้าลงทุนในกลุ่ม JMART ครั้งนี้ เป็นการขยายเครือข่ายธุรกิจของ BTS หรือบริษัท ธนายง จำกัด หรือ TYONG ฉายาหุ้นตี๋ย้งในอดีต และเป็นการสานฝันนายคีรี กาญจนพาสน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ BTS ที่พยายามขยายเครือข่ายธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์เมื่อประมาณ 25 ปีก่อน
ประมาณปี 2539 ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 TYONG ได้ประกาศเพิ่มทุน นำหุ้นแลกซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียนอื่นประมาณ 5-6 แห่ง เช่น บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จำกัด หรือ FIN-1 ของนายปิ่น จักกะพาก ธนาคารไทยทนุ รวมทั้งโรงแรมราชดำริ ที่นายคีรี ใช้บริการอยู่ประจำ
ตลาดหลักทรัพย์ได้ระงับการทำรายการ แผนการขยายเครือข่ายของนายคีรี จึงดับวูบลง แต่ปัจจุบันนายคีรี กำลังสานต่อความฝันในอดีต ภายใต้เงื่อนไขที่พร้อมมากขึ้น
การประกาศร่วมหอลงโลงเป็นพันธมิตร ถือเป็นข่าวดีที่ปลุกให้นักเก็งกำไรแห่ลุยหุ้นกลุ่ม JMART และ BTS จนราคากลับมามีชีวาอีกครั้ง แต่การจับมือร่วมลุยธุรกิจครั้งนี้จะเป็น 1 บวก 1 เท่ากับ 2 หรือมากกว่า 2 โดยผลประกอบการทั้ง 2 กลุ่มดีขึ้นหรือไม่ ยังต้องรอเวลาพิสูจน์ แม้ราคาหุ้นจะพุ่งไปล่วงหน้าแล้วก็ตาม
สิ่งที่น่าสนใจในการรวมตัวของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางทั้ง2 กลุ่มนี้คือ ทั้ง JMART และ BTS เป็นเจ้าแห่งการใช้วอร์แรนต์เป็นลูกเล่นในการกระตุ้นราคาหุ้น โดยล่าสุด BTS ออกวอร์แรนต์แจกผู้ถือหุ้นถึง 4 รุ่นในเวลาเดียวกัน
หุ้นที่ออกวอร์แรนต์ถี่ยิบ ออกเยอะๆ ไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น มักเป็นหุ้นที่ควรระวังเสียด้วย เพราะต้องพยายามสร้างข่าวดีกระตุ้นราคาหุ้นเสมอ