หลังจากประกาศผลประกอบการครึ่งแรก ราคาหุ้น บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B ก็พุ่งทะยานขึ้น และแม้จะเป็นหุ้นขนาดเล็ก แต่มูลค่าการซื้อขายคึกคัก จนติดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดในอันดับต้นๆ หลายวัน
นักลงทุนแห่เข้าเก็งกำไรหุ้น B จนราคาปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง จากที่เคยย่ำฐานอยู่แถว 60 สตางค์เศษพักใหญ่ เพียงไม่กี่วันทำการ ขยับขึ้นมาใกล้ทะลุ 1 บาท โดยมีผลประกอบการที่เติบโตเป็นปัจจัยสนับสนุน
B ดำเนินธุรกิจบริการโลจิสติกส์ครบวงจร ทั้งท่าเทียบเรือ โรงพักสินค้า การขนส่งสินค้า การขนส่งทางถนน บริการเช่ารถเครน บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และบริการพิธีการศุลากากร เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2546 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนในราคา 4 บาท จากพาร์ 1 บาท ปัจจุบันปรับพาร์เหลือ 68 สตางค์
ผลประกอบการหลายปีที่ผ่านมาไม่ดี โดยปี 2562 ขาดทุน 28.59 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 57.09 ล้านบาท แต่ไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 พลิกกลับมามีกำไร ทำให้งวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 98.28 ล้านบาท ขณะที่ระยะเดียวกันปีก่อนขาดทุนสุทธิ 16.71 ล้านบาท
ราคาหุ้น B เคลื่อนในกรอบแคบๆ ประมาณ 60 สตางค์เศษอยู่แรมเดือน มูลค่าซื้อขายระดับ 10 ล้านบาทต่อวัน แต่หลังจากประกาศงบการเงินไตรมาสที่ 2 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาจึงขยับขึ้นอย่างโดดเด่น มูลค่าซื้อขายหนาแน่น โดยวันที่ 19 สิงหาคม ราคาปิดที่ 91 สตางค์ เพิ่มขึ้น 9 สตางค์ มูลการซื้อขาย 1,950.38 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช หุ้น B อยู่ที่ประมาณ 30 เท่า ไม่จ่ายเงินปันผลมายาวนาน ส่วนมาร์เกตแคปหรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมีจำนวน 1,749.38 ล้านบาท และจัดอยู่ในหุ้นขนาดเล็ก แต่มีการซื้อขายที่ร้อนแรงมาก จนมูลค่าการซื้อขายสูงกว่ามาร์เกตแคปเสียอีก
B เป็นอีกบริษัทจดทะเบียนที่ขยันในการออกวอร์แรนต์ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ โดยเพิ่งรายงานการจัดสรรวอร์แรนต์ รุ่นที่ 6 จำนวน 320.32 หน่วย แจกฟรีผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ อายุ 2 ปี ราคาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 66 สตางค์
และเพิ่งรายงานการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 192 ล้านหุ้น เสนอขายให้นายณรงค์ชัย สิมะโรจน์ จำนวน 160 ล้านหุ้น และเสนอขายนายวิริยะ จินต์วิริยะ จำนวน 32 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 60 สตางค์ โดยหุ้นจำนวน 192 ล้านหุ้น จะเข้าซื้อขายในวันที่ 23 สิงหาคมนี้
โครงสร้างผู้ถือหุ้น B ประกอบด้วย บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 22.66% ของทุนจดทะเบียน โดย MILL มีนายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูลถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 40% และนายสุทธิชัย ยังถือหุ้น B สัดส่วน 3.65%
รวมทั้งมีนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ถือหุ้นในสัดส่วน 1.48% โดยนายสุรพงษ์ เคยถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษในความผิดปั่นหุ้นบริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KAIT ส่วนนายสิทธิชัย เคยถูก ก.ล.ต. ปรับจำนวน 81 ล้านบาท ในความผิดปั่นหุ้น MILL
นอกจากนั้น เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หุ้น B ยังถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย หลังจากการซื้อขายหุ้นผิดจากสภาพปกติ
ราคาหุ้น B ที่พุ่งทะยานขึ้นมา และรอจะตีฝ่าทะลุระดับ 1 บาท แม้จะมีผลประกอบการครึ่งปีแรกเป็นปัจจัยกระตุ้นเก็งกำไร แต่ดูโครงสร้างผู้ถือหุ้น B แล้วต้องพึงระวังเหมือนกัน
จะตามแห่เก็งกำไร B อย่ามองเฉพาะผลประกอบการ แต่คำนึงถึง “ขาใหญ่” ที่อาจผสมโรงลากราคาหุ้นด้วย