ระยะนี้ตลาดหลักทรัพย์ควักใบเหลือง ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายถี่ยิบ เพื่อดับความร้อนแรงหุ้นหลายสิบตัว ล่าสุดประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น บริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FVC ทันทีที่ราคาหุ้นถูกลากขึ้น
FVC ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำและธุรกิจบริการทางการแพทย์ที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพอนามัยเป็นพิเศษ เข้าตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2556 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนในราคา 1.20 บาท จากพาร์ 50 สตางค์
ราคาหุ้น FVC เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 90 สตางค์ ถึงประมาณ 1 บาทมาประมาณ 3 เดือน จนวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นถูกกระชากขึ้น โดยปิดที่ 1.10 บาท เพิ่มขึ้น 16 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 17.02% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่พองโต 306.01 ล้านบาท
หลังปิดการซื้อขาย ตลาดหลักทรัพย์ประกาศให้ FVC เป็นหุ้นที่มีราคาและประมาณการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปมากจากช่วงก่อนหน้า จึงประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย ต้องซื้อหุ้นด้วยเงินสด มีผลระหว่างวันที่ 21 กรกฎาคมถึง 10 สิงหาคมนี้
ราคาหุ้น FVC อ่อนยวบลงในการซื้อขายวันที่ 21 กรกฎาคม โดยปิดที่ 1.08 บาท ลดลง 2 สตางค์ มูลค่าการซื้อขายลดฮวบเหลือ 57.51 ล้านบาท
การประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น FVC สะท้อนให้เห็นว่า กลไกการสอดส่องหุ้นที่มีพฤติกรรมไม่ปกติของตลาดหลักทรัพย์ทำงานได้ฉับไว รวดเร็วทันสถานการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยปกป้องนักลงทุน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อกรณีที่มีการสร้างราคาหุ้น
เพราะหากมีกลุ่มคนเตรียมสร้างราคาหุ้นหรือปั่นหุ้นโดยจุดพลุไล่ราคา เพื่อล่อให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไร เมื่อตลาดหลักทรัพย์ส่งสัญญาณเตือนภัย โดยประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย นักลงทุนจะระมัดระวังตัว และหลีกเลี่ยงการซื้อขายหุ้นถูกกำกับการซื้อขาย
การปั่นหุ้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงวันเดียว แต่ต้องใช้เวลา โดยช่วงแรกนักลงทุนรายใหญ่หรือเจ้ามือหุ้นจะลากราคาหุ้นขึ้นก่อน ตามด้วยการปล่อยข่าวเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้าไปเก็งกำไร
เมื่อรายย่อยแห่เข้าไปไล่ซื้อหุ้นจำนวนมาก รายใหญ่หรือเจ้ามือจะทยอยขายหุ้นทำกำไร และปล่อยให้รายย่อยแลกหมัดวัดดวงกันเอง ใครขายไม่ทัน จะติดหุ้นต้นทุนสูงในมือ
การประกาศใช้มาตรการกับกำการซื้อขาย ถือเป็นการ “ตัดตอน” ขบวนการปั่นหุ้น แม้จะได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่ดีกว่าตลาดหลักทรัพย์จะได้แต่นั่งดูขาใหญ่หรือเจ้ามือลากนักลงทุนรายย่อยไปเชือด
ยิ่ง "ตัดตอน" หรือประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายเร็วเท่าไหร่ ยิ่งช่วยปกป้องนักลงทุนจากแก๊งปั่นหุ้นเร็วเท่านั้น
เพราะถ้าปล่อยให้มีการลากราคาหุ้นโดยไม่รีบสกัดกั้น ไม่ประกาศมาตรการกำกับการซื้อขาย ทันทีที่มีการลากราคาหุ้น และปล่อยให้ลากราคากันไปหลายวัน จนนักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปเก็งกำไร เปิดโอกาสให้ขาใหญ่หรือเจ้ามือขายหุ้นทิ้ง ถึงตอนนั้นตลาดหลักทรัพย์จะประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายก็สายเกินไปเสียแล้ว
เพราะขาใหญ่หรือเจ้ามือขายหุ้นทิ้ง โกยกำไรเผ่นออกไปแล้ว เหลือแต่รายย่อยที่ “ติดกับ” หุ้นปั่น
การชิงลงมือดับร้อนหุ้น FVC “ตัดตอน” พฤติกรรมที่อาจเกิดการปั่นราคาหุ้น ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ดี และควรจะเป็นบรรทัดฐานในการใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย
หุ้นตัวไหนร้อน หุ้นตัวไหนแหลม เข้าข่ายพฤติกรรมการสร้างราคา ต้อง “ตัดตอน” ทันทีเพื่อ “กันตัว” นักลงทุนให้พ้นจากวงจรอุบาทว์ตั้งแต่เริ่มแรก
กองไฟที่ถูกก่อในหุ้น FVC ดับลงแล้ว และ “ขาใหญ่” ที่จุดพลุไล่ราคาอาจต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงเสียเอง
แต่นักลงทุนรายย่อยรอดตัวจาก FVC