ไม่รู้ว่านักลงทุนรายย่อยจะมีจำนวนสักกี่รายที่ยังถือหุ้นบริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS อยู่ เพราะราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นแรงจัด นักลงทุนรายย่อยน่าจะเทขายทำกำไรไปหมดแล้ว
นับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา JTS ดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรง จนตลาดหลักทรัพย์ต้องใช้มาตรการดับร้อน โดยประกาศเป็นหุ้นที่เข้าข่ายการใช้มาตรการกำกับการซื้อขายถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงปลายเดือนเมษายน แต่ไม่ทำให้ราคาหุ้นกลับมาสู่การซื้อขายที่เป็นปกติได้
ราคาหุ้น JTS ถูกลากขึ้นม้วนเดียว และแม้ราคาจะสูงลิบจนไม่มีโบรกเกอร์ไหนแนะนำให้ลงทุน แต่หุ้นก็ยังดีดตัวขึ้นสวนภาวะตลาดและสวนความรู้สึกของนักลงทุนทั้งตลาด โดยเฉพาะการซื้อขายวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งราคาหุ้นถูกลากขึ้นเกือบชนเพดาน 30%
JTS เปิดการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ราคา 34 บาท ก่อนจะถูกไล่ขึ้นไปสูงสุดที่ 42.75 บาท และอ่อนตัวลงมาปิดที่ 42.25 บาท เพิ่มขึ้น 8.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 25.19% มูลค่าการซื้อขาย 276.88 ล้านบาท
การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงไม่มีข่าวสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม และไม่น่าจะเป็นการซื้อขายตามปกติของนักลงทุนรายย่อยทั่วไป
ราคาหุ้น JTS สร้างสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์นับจากเข้าจดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2549 อีกครั้ง โดยไม่มีใครอธิบายถึงเหตุผลในความร้อนแรงของหุ้นตัวนี้ได้
จากราคาปิดที่ 1.93 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 เทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ 42.25 บาท JTS ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 40.32 บาท หรือปรับตัวขึ้น 2,089.11% ครองแชมป์ความเป็นหุ้นที่ร้อนแรงสุดขีดประจำปี 2564 และเป็นความร้อนแรงที่ไม่มีเหตุผลใดอธิบาย
ค่าพี/อี เรโช JTS พุ่งทะลุทะลวงไปประมาณ 640 เท่าแล้ว โดยคำนวณการลงทุนจะต้องใช้เวลาประมาณ 640 ปี จึงมีกำไรเท่ากับราคาหุ้น และเป็นหุ้นที่มีค่าพี/อี เรโชสูงลิ่วในอันดับต้นๆ ของตลาดหลักทรัพย์
ราคาหุ้นที่พุ่งมาถึงขนาดนี้มีเพียง 2 เหตุผลเท่านั้น ถ้าไม่มีอินไซเดอร์หรือมีคนที่รู้ข้อมูลภายในและเข้ามาไล่เก็บหุ้น ก็คงจะมีนักลงทุนขาใหญ่หรือเจ้ามือเข้ามาปั่นราคาหุ้น
JTS จะมีอินไซด์ในประเด็นอะไรนักลงทุนทั่วไปคงเดาไม่ถูก นอกจากเฝ้ารอดูว่าจะมีอินไซด์จริงหรือไม่
และหากมีขาใหญ่หรือเจ้ามือเข้ามาปั่นราคาหุ้น ก็ต้องยอมรับว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการลากราคาหุ้นมีความกล้ามาก เพราะตลาดหลักทรัพย์กำลังเกาะติดความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอยู่ และน่าจะตรวจสอบข้อมูลการซื้อขาย เพื่อดูว่ามีใครกำลังทำมิดีมิร้ายกับหุ้น JTS หรือไม่
ดังนั้น การปั่นราคาหุ้นจึงมีสิทธิถูก “สอย” เช่นเดียวกับการปั่นหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS และหุ้นบริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เคยลงโทษปรับ "นายพิชญ์ โพธารามิค" และพวกรวม 4 คน วงเงินประมาณ 160 ล้านบาท ในความผิดปั่นหุ้น
ไม่ว่าจะเป็นอินไซด์หรือปั่นหุ้น JTS ก็พุ่งขึ้นอย่างเย้ยฟ้าท้าดิน จนตลาดหลักทรัพย์อยู่ในฐานะที่หมดปัญญาดับร้อนหุ้นตัวนี้ และต้องปล่อยให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจกันเอาเอง
การประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายในครั้งที่ 4 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฏาคมถึง 2 สิงหาคมนี้คงไม่อาจสกัดกั้นการลาก JTS ได้
ผู้ถือหุ้นรายย่อย JTS หลังปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,483 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 38.63% ของทุนจดทะเบียน ปัจจุบันเชื่อว่าจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยน่าจะเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่
เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อยคงทยอยขายหุ้นทำกำไรมาตลอดทางขาขึ้นของ JTS ส่วนนักลงทุนรายย่อยรายใหม่ๆ ไม่น่าจะเข้าไปลุย เพราะราคาที่ลากขึ้นมาสูงเฉียดฟ้าขนาดนี้ เสี่ยงตายเต็มที
JTS จะถูกลากไปถึงไหน และรอบนี้จะจบอย่างไรนักลงทุนคงได้แต่เฝ้าดูเท่านั้น เพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้าขืนตามแห่เข้าไปเก็งกำไร มีโอกาสตายสถานเดียว