ตั้งแต่ต้นปีมีหุ้นที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายตัว เพื่อดับความร้อนแรง แต่ไม่เคยมีหุ้นตัวใดที่ตลาดหลักทรัพย์ออกประกาศเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ เพิ่งจะมีหุ้นบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP เป็นตัวแรก
ตลาดหลักทรัพย์ออกประกาศเตือนด่วน ก่อนเปิดการซื้อขายวันอังคารที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขอให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายหุ้น MVP เนื่องจากสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แม้อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 และอาจมีความเสี่ยงหากราคาหุ้นเกิดความผันผวน
นอกจากนั้น ยังกำชับให้บริษัทสมาชิกหรือบริษัทโบรกเกอร์ทุกแห่งกำกับดูแลการซื้อขายและดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหุ้น MVP อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า ได้ติดตามการซื้อขายหุ้น MVP อย่างต่อเนื่อง พบว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นตลอด และวันที่ 5 กรกฎาคมปรับตัวขึ้นมาปิดในระดับราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.90 บาท ทั้งที่ค่าพี/อี เรโช ไม่อาจคำนวณได้ เพราะผลประกอบการขาดทุน และราคาหุ้นต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 12.26 เท่า
รวมทั้งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ถูกประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 โดยจะต้องซื้อหุ้นด้วยเงินสด ห้ามนำหุ้นคำนวณเป็นวงเงินซื้อขายในทุกประเภทบัญชี และห้ามหักกลบค่าซื้อขายหุ้นภายในวันเดียวกัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 21 กรกฎาคมนี้
ตลาดหลักทรัพย์เคยสอบถามไปยัง MVP หลายครั้งถึงพัฒนาการที่อาจมีผลต่อราคาหุ้น แต่ทุกครั้งได้รับคำตอบกลับมาว่า บริษัทฯ ไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่ส่งผลต่อราคาหุ้น
แต่หุ้น MVP กลับถูกลากขึ้นมาตลอด 2 เดือน จากราคาปิด 1.81 บาท เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ทะยานขึ้นมาปิดที่ 7.90 บาท เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เพิ่มขึ้น 6.09 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 336.46% แม้จะถูกมาตรการกำกับการซื้อขายเพื่อดับความร้อนแรงของราคาหุ้นอย่างต่อเนื่องถึง 3 ครั้งก็ตาม
MVP ดำเนินธุรกิจการจัดงาน ธุรกิจงานโฆษณาและเอเยนซีสื่อออนไลน์และผู้ทรงอิทธิพล ธุรกิจพาณิชย์และอื่นๆ เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนในราคา 1.90 บาท จากพาร์ 50 สตางค์
ราคาหุ้น MVP ช่วงต้นปีนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ขึ้นลงอยู่ระหว่าง 1.20 บาทถึง 1.40 บาท จนถึงวันที่ 12 มีนาคม หลังจากนั้นจึงเริ่มมีการจุดพลุไล่ราคา
ผลประกอบการของ MVP ไม่โดดเด่นนัก โดยปี 2562 มีกำไรสุทธิ 30.19 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 43.46 ล้านบาท และไตรมาสแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 2.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 1.54 ล้านบาท
ความร้อนแรงของหุ้น MVP จึงไม่มีเหตุผลอธิบายได้ นอกจากบทสรุปของการซื้อขายที่ผิดปกติ โดยอาจมีขาใหญ่หรือเจ้ามือเข้ามาลากราคาหุ้น
อีกจุดที่น่าสนใจของ MVP คือ ชื่อของ นายสุระ คณิตทวีกุล ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในสัดส่วน 19.45% ของทุนจดทะเบียน รองจากนายโอภาส เฉิดพันธ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 20.02% ของทุนจดทะเบียน
นายสุระ ปัจจุบันเป็นนักลงทุนรายใหญ่ชื่อกระฉ่อน ปรากฏชื่อเข้าไปซื้อหุ้นหลายตัว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดเล็กซึ่งเคลื่อนไหวราคาร้อนแรง และรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มักเข้าไปซื้อหุ้นพร้อมกับ นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี นักลงทุนรายใหญ่ชื่อดังอีกคน
นายสุระ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 โดยการแจ้งการได้มาต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีสัดส่วนการถือหุ้น 5% ของทุนจดทะเบียน และซื้อเพิ่มเป็นประมาณ 7% จนประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน จึงซื้อบิ๊กล็อตเพิ่มอีกจำนวน 12% เศษ
ชื่อของนายสุระ กับราคาหุ้น MVP ที่ร้อนแรง จะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันหรือไม่ เป็นปมที่ถูกจับตาอยู่
แม้ MVP จะจัดอยู่ในประเภทหุ้นหัวดื้อ ทนทานต่อมาตรการกับการซื้อขาย แต่การถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศเตือน ทำให้ราคาหุ้นแผ่วลงเหมือนกัน โดยวันที่ 6 กรกฎาคมปิดที่ 7.50 บาท ลดลง 40 สตางค์
คำถามคือ ตลาดหลักทรัพย์จะสยบหุ้นตัวนี้ลงได้จริงหรือ โดยเฉพาะหากขาใหญ่ยังไม่ทันได้ขายหุ้นทิ้งให้รายย่อย
แต่คำเตือนด่วนพิเศษของตลาดหลักทรัพย์ น่าจะสะกิดให้แมลงเม่าเผ่นออกจากหุ้น MVP ในทันที
(พรุ่งนี้อ่าน ขาใหญ่ "สุระ-พงษ์ศักดิ์"..เสี่ยสอง/2)