การถูกบรรจุเข้าสู่การคำนวณในดัชนี 50 ของบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยนักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไร จนหุ้นพุ่งขึ้นแรง และสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบหลายปี
KCE เป็นหุ้นที่ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอีเลคโทรนิคส์ขนาดใหญ่ รองจากบริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA และราคาหุ้น เกาะกระแสมากับหุ้น DELTA เช่นเดียวกับหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ HANA
หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอีเลคโทรนิคส์ ตกต่ำอยู่หลายปี เนื่องจากผลประกอบการชะลอตัว โดยหุ้น KCE เคยทรุดลงเหลือ 21.50 บาท และเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 12 เดือน ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังวิกฤตโควิด-19 รอบแรก เมื่อต้นปี 2563
สิ้นปี 2563 KCE ปิดที่ราคา 41.50 บาท และแกว่งตัวขึ้นมาตลอด จนล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนปิดที่ 77 บาท โดยการเข้าบรรจุในการคำนวณดัชนี 50 เป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนแห่ไล่ซื้อหุ้น จนกลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดประจำวัน เคาะกันสนั่น 3,587.58 ล้านบาท
ปี 2562 KCE มีผลกำไรสุทธิ 934.49 ล้านบาท ลดฮวบลงจากปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 2,014.87 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นปักหัวลง แต่ปี 2563 ผลกำไรกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยมีกำไรสุทธิ 1,126.79 ล้านบาท ทำให้ราคาหุ้นเริ่มกระเตื้อง
และหลังประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งมีกำไรสุทธิ 503.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 424.82 ล้านบาท KCE กลับเข้าสู่ขาขึ้นเต็มตัว
แต่ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบหลายปี ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์แต่ละสำนัก มีมุมมอง KCE ที่แตกต่างกันไป โบรกเกอร์บางแห่งแนะนำให้ซื้อเก็บ ขณะที่บางสำนักไม่แนะนำให้ช้อน เพราะราคาหุ้นซึมซับรับข่าวจนเต็มอิ่มแล้ว
ค่า พี/อี เรโช KCE ทะลุเกิน 80 เท่าแล้ว ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน อยู่ที่ประมาณ 1% เทียบกับ DELTA ที่มีค่า พี/อี เรโช ประมาณ 90 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 0.56% และ HANA ซึ่งมีค่า พี/อี เรโช ประมาณ 30 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทน 1.9%
นักลงทุนที่แห่ไล่เก็บหุ้น KCE ส่วนหนึ่งเก็งกำไรจากการถูกบรรจุเข้าดัชนี 50 ซึ่งทำให้นักลงทุนสถาบันต้องเพิ่มน้ำหนักการลงทุน และซื้อหุ้น KCE เพิ่มในพอร์ต
อีกส่วนหนึ่ง เกิดจากความคาดหวังแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโต โดยคาดว่า ในไตรมาสที่สอง KCE จะมีกำไรที่เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก นักลงทุนจึงแห่เข้ามาเก็บตุนหุ้นดักเก็งกำไร
แต่ราคาหุ้นถูกลากขึ้นมาไกลมาก และเป็นราคาบนความคาดหวังผลประกอบการในอนาคต ทำให้การลงทุนใน KCE มีความเสี่ยง เพราะหากผลประกอบการผิดจากที่คาด นักลงทุนอาจเกิดความเสียหายตามมา
KCE เข้าข่ายจะเป็นหุ้นร้อน เช่นเดียวกับ DELTA แล้ว เพราะค่า พี/อี เรโช สูงมาก ถ้าเทียบปัจจัยพื้นฐานกับหุ้น HANA ซึ่งราคาหุ้น HANA น่าสนใจกว่า
เพียงแต่นักลงทุนอาจมองว่า KCE มีแนวโน้มเติบโตดีกว่า HANA จึงกล้าลุย KCE กล้าไล่ราคา แม้ราคาหุ้นจะสูบลิบแล้วก็ตาม
หุ้น DELTA แม้จะร้อนแรงอย่างไร แต่เมื่อราคาแพงเกินไป สุดท้ายก็เดี้ยง ไปต่อไม่ไหว
KCE กำลังเดินตามรอย DELTA เข้าไปทุกที นักลงทุนที่ยังลุยไล่ราคาหุ้น จึงมีสิทธิ์เดี้ยงจาก KCE