ระหว่างปี 2530-2535 ชื่อของนายสอง วัชรศรีโรจน์ หรือเสี่ยสอง ดังกระฉ่อนในฐานะนักลงทุนขาใหญ่ เจ้าของฉายาเข้าซื้อหุ้นตัวไหน หุ้นตัวนั้นวิ่งระเบิดเถิดเทิง
ปัจจุบัน ชื่อของนายสุระ คณิตทวีกุล และนายแพทย์พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี กำลังถูกจับตา ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเสี่ยสอง
เพราะเข้าซื้อหุ้นตัวไหน หุ้นตัวนั้นมักจะร้อนขึ้นมาทันที และผลงานล่าสุดคือ การเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ตามด้วยการซื้อหุ้นบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD
นายสุระ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM 7 ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าไอที โดยถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ในสัดส่วน 25.05% ของทุนจดทะเบียน ส่วนนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง สัดส่วน 18.90%
นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ เป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงามที่มีสาขาหลายสิบแห่ง และผันเข้ามาเป็นนักลงทุนเมื่อประมาณปี 2552 ในภาพของนักลงทุนหุ้นมูลค่าเพิ่ม หรือ V.I. และจากพอร์ตลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่เปิดเผยในปี 2553 ล่าสุดพอร์ตการลงทุนเบ่งบานเป็นประมาณ 20,000 ล้านบาท
แม้จะมีภาพเป็นนักลงทุน V.I. แต่นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ เคยเข้าไปเล่นหุ้นปั่นเหมือนกัน โดยเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท เกียรติธนา ขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ซึ่งเพิ่งถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษเป็นหุ้นปั่น โดยถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในสัดส่วน 14.95% ของทุนจดทะเบียน
แต่วันนี้ไม่ปรากฏรายชื่อนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ ติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 รายแรกของ KIAT แล้ว โดยไม่รู้ว่า ระบายขายหุ้นออกในช่วงเวลาไหน ในราคาเท่าไหร่ โกยกำไรมามากน้อยเพียงใด
นายสุระ หลังปั้น COM7 จนเป็นหุ้นยอดนิยมของนักเก็งกำไร โดยราคาหุ้นครึ่งปีแรกปรับตัวขึ้นประมาณ 100%
เมื่อมีฐานะทางการเงินมีความมั่นคง นายสุระเริ่มผันตัวเองไปสู่นักลงทุนรายใหญ่ พอร์ตลงทุนวงเงินนับพันล้านบาท และมักจะเข้าไปซื้อหุ้นขนาดเล็กและหุ้นขนาดกลาง รวมทั้งหุ้นร้อนๆ
ไม่มีใครรู้ว่าความสัมพันธ์ของนายสุระกับนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ เริ่มต้นจากจุดไหน และเมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าต่างคนต่างลงทุน ไม่ได้ซื้อหุ้นตัวเดียวกัน และเข้าซื้อพร้อมๆ กัน แต่เพิ่งเริ่มจับมือเป็นพันธมิตร ไปไหนไปด้วยกัน ลงทุนด้วยกัน ซื้อหุ้นตัวเดียวกันในเวลาเดียวกัน
ไม่เฉพาะ COM7 เท่านั้น หุ้นในกลุ่มบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART หุ้นบริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO หุ้น GUNKUL หุ้น JWD และตัวอื่นๆ นายสุระกับนายแพทย์พงษ์ศักดิ์จะจับมือลุยร่วมกัน
และลงทุนโดยโครงการรัฐบาล ซื้อหุ้นร่วมกันคนละครึ่ง เช่น ซื้อหุ้น JWD คนละ 20 ล้านหุ้น ซื้อหุ้น CHAYO คนละ 33.50 ล้านหุ้น
ปรากฏการณ์ของนักลงทุนขาใหญ่คู่นี้คือ เมื่อเข้าไปลุยหุ้นตัวไหน มักจะมีข่าวรู้กันทั้งตลาดหุ้น และผลที่ตามมาคือ ราคาหุ้นที่เข้าไปซื้อพุ่งทะยาน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นบริษัท ทริพ เพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III หุ้น CHAYO หุ้นกลุ่ม JMART หุ้น GUNKUL และหุ้น JWD
ไม่มีใครบอกได้ว่า 2 ขาใหญ่คู่นี้ทำอะไรกับหุ้นที่เข้าไปลงทุน ราคาหุ้นถึงพุ่งทะยาน หรือเป็นเพราะฉายา เข้าไปซื้อหุ้นตัวไหน ราคาหุ้นตัวนั้นมักจะพุ่งทะยาน นักเก็งกำไรจึงแห่ไล่ซื้อหุ้นตาม
เสี่ยหุ้นชื่อดังแทบทุกคนมักจะใช้ยุทธวิธีสร้างข่าว โดยเมื่อซื้อหุ้นตัวไหนจะปล่อยข่าวในตลาด เช่นเดียวกับยุคของเสี่ยสอง และเมื่อนักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้าไปเก็งกำไร จะเทขายหุ้นทำกำไรทันที
เสี่ยหุ้นจึงรวยเร็ว กำไรเป็นพันๆ ล้านบาทได้ภายในเวลาไม่กี่ปี ขณะที่นักลงทุนรายย่อยที่เล่นหุ้นตามขาใหญ่ มัก “ติดดอย” ต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงนับสิบปี
และบางทีต้องแบกหุ้นข้ามชาติ โดยซื้อหุ้นในชาตินี้ อาจต้องถือไว้รอขายในชาติหน้า
การซื้อหุ้นตัวไหน และนักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้าไปเก็งกำไรจนราคาหุ้นพุ่งทะยาน เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ และไม่ใช่ความผิดของนายสุระและนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ ตราบใดที่ยังไม่มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิด
แมลงเม่าที่เคยซื้อหุ้นตามแห่ “เสี่ยสอง” และเสี่ยหุ้นทั้งหลาย หมดเนื้อหมดตัวแล้วนับไม่ถ้วน
นักลงทุนที่ซื้อหุ้นตามแห่ “สุระ-นายแพทย์พงษศักดิ์” มีโอกาสติด "กับดัก" เก็งกำไร จนต้องเดินแก้ผ้ากลับบ้านได้เหมือนกัน จึงพึงระวังตัวกันไว้