นักลงทุนทั่วโลกกำลังพุ่งความสนใจตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งใกล้ถูกยกระดับขึ้นเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ หลังจากที่บรรยากาศการซื้อขายหุ้นเป็นไปอย่างคึกคัก ดัชนีหุ้นพุ่งทะยาน สร้างจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง
ช่วงวิกฤตโควิด-19 ต้นปี 2563 ตลาดหุ้นเวียดนามสะบักสะบอมเหมือนตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนีหุ้นที่เคลื่อนไหวระหว่าง 1,100-1,200 จุด เกิดการทรุดฮวบ จนลงไปต่ำสุดที่ระดับประมาณ 860 จุด ในเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย ซึ่งดัชนีหุ้นทรุดจากระดับ 1,600 จุด ก่อนวิกฤตโควิด-19 ลงไปต่ำสุดที่ 969 จุด ระหว่างชั่วโมงซื้อขายในวันที่ 23 มีนาคม 2563
แต่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นเวียดนามฟื้นตัวเร็วมาก เนื่องจากมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดี และยังได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ขณะที่การส่งออกขยายตัว
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมของเวียดนาม ล่าสุดกลางเดือนพฤษภาคมมีเพียง 5,308 ราย เสียชีวิต 43 ราย และอยู่ในลำดับที่ 158 ของโลก
จีดีพีของเวียดนามปี 2563 ขยายตัว 2.9% ส่วนไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวประมาณ 4.48% โดยตั้งเป้าทั้งปีโต 6.5% ขณะที่จีดีพีของไทยปี 2563 ติดลบ 6.1% และไตรมาสแรกปีนี้ติดลบ 2.6%
สถาบันจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ประกอบด้วย มูดี้ส์ อินเวสเมนท์เซอร์วิส บริษัท ฟิทช์เรตติ้ง และบริษัท สแตนดาร์ดแอนด์พัวส์ พร้อมใจกันปรับมุมมองระยะยาวเวียดนามเป็นบวก และถือเป็นประเทศแรกในโลกที่ 3 สถาบันจัดอันดับเครดิตมีมุมมองระยะยาวเป็นบวกในเวลาเดียวกัน
ดัชนีหุ้นเวียดนาม วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา สร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยปิดที่ 1,297.98 จุด และคาดว่าจะสามารถตีฝ่าทะลุ 1,300 จุดขึ้นไปได้
เพราะเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มที่สดใส จนนักลงทุนทั่วโลกแห่ขนเงินเข้าไปลงทุน รวมทั้งนักลงทุนจากประเทศไทย
ตลาดหุ้นเวียดนามมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 10 ล้านล้านบาท มีกระดานหุ้นทั้งหมด 3 กระดาน มีบริษัทจดทะเบียนรวมกันทั้งหมดประมาณ 1,600 บริษัท โดยกระดานหลัก เพดานราคาหุ้นขึ้นลงกำหนดไว้ 7% กระดานตลาดรองซึ่งมีลักษณะตลาด MAI กำหนดเพดานขึ้นลงของราคาหุ้น 10%
และตลาดที่มีลักษณะเหมือนตลาดโอทีซี หรือการซื้อขายหุ้นนอกตลาด กำหนดเพดานขึ้นลงสูงสุดไม่เกิน 15%
มูลค่าการซื้อขายหุ้นของเวียดนามเฉลี่ยวันละประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท
แม้นักลงทุนต่างชาติจะเทขายหุ้นเวียดนาม เหมือนการถล่มขายหุ้นไทย แต่ดัชนีหุ้นเวียดนามกลับพุ่งสวนทางแรงขายต่างชาติ เนื่องจากมีนักลงทุนหน้าใหม่ของเวียดนามเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น เพราะมีความมั่นใจในแนวโน้มการลงทุน
เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย โดยรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ต่างชาติถล่มขายหุ้นกว่า 6 แสนล้านบาท แต่ตลาดไม่ได้ทรุดลงมากนัก เนื่องจากมีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเป็นกองหนุน นำเงินก้อนใหม่เข้ามาลงทุน ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาพยุงตลาด และ 4 เดือนแรกปีนี้นักลงทุนหน้าใหม่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นประมาณ 8.7 หมื่นราย
โบรกเกอร์ไทยบุกเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามหลายปีแล้ว โดยบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด เป็นรายแรกที่ขยายการลงทุนไปในเวียดนาม โดยเป็นพันธมิตรกับโบรกเกอร์เวียดนาม และพัฒนาระบบการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านระบบออนไลน์เป็นรายแรก ในบรรดาโบรกเกอร์ไทยประมาณ 5 รายที่ขยายการลงทุนไปตลาดหุ้นเวียดนาม
กองทุนรวมของไทยหลายกองทุนเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม นักลงทุนรายบุคคลจำนวนหนึ่งกระจายการลงทุนในเวียดนาม โดยโหนรถเมล์เที่ยวแรกๆ ที่มุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางตลาดหุ้นเวียดนาม
ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงหงอยเหงา ไร้เสน่ห์จูงใจ แต่ตลาดหุ้นเวียดนามกำลังสดใส และเป็นตลาดหุ้นดาวรุ่งพุ่งแรงในปีนี้
ถ้าเบื่อและเซ็งกับตลาดหุ้นไทยที่ไม่ยอมไปไหน ลองศึกษาหุ้นเวียดนามดู ลงทุนคลายเหงา ระหว่างรอสัญญาณตลาดหุ้นไทยฟื้นไปพลางๆ ก่อน