หุ้นใหม่ บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WIDMED ประเดิมเข้าซื้อขายในตลาด MAI ร้อนแรงตามความคาดหาย นักลงทุนที่ได้โควตาจองยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะฟันกำไรงามๆ
แต่นักเก็งกำไรที่ตามแห่เข้าไปไล่ราคาต้องน้ำตาตก ส่วนใหญ่เจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับออกมา
WINMED นำหุ้นเสนอขายประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 120 ล้านหุ้น หรือ 30% ของทุนจดทะเบียน โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ 3.10 บาท จากราคาพาร์ 50 สตางค์ ค่าพี/อี เรโช ประมาณ 24 เท่า
บริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ของนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม นักปั้นหุ้นเข้าตลาดเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
หุ้นที่เสนอขายจำนวน 120 ล้านหุ้น จัดสรรขายนักลงทุนทั่วไปเพียง 90 ล้านหุ้น ส่วนอีก 18 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้มีอุปการคุณ และอีก 12 ล้านหุ้น จัดสรรให้กรรมการ ผู้บริหารหรือพนักงานบริษัท
วันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา หุ้น WINMED ประเดิมซื้อขายวันแรก โดยราคาถูกลากขึ้นไปเปิดที่ 7.30 บาท และขึ้นไปสูงสุด 7.40 บาท ก่อนจะมีแรงขายถล่มออกมาจนราคารูดลงไปต่ำสุดที่ 5.25 บาท และกระเตื้องขึ้นมาปิดการซื้อขายที่ 5.90 บาท สูงกว่าจอง 2.80 บาท หรือสูงกว่าจอง 90.32%
มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 2,683.95 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณการซื้อขาย 420.63 ล้านหุ้น โดยปริมาณหุ้นที่ซื้อขายวันแรกมากกว่าหุ้นที่นำเสนอขายนักลงทุนประมาณ 250%
ราคาหุ้น WINMED พุ่งแรงเกินความคาดหมายโดยเฉพาะในช่วงเปิดตลาด เพราะนักวิเคราะห์โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ตั้งราคาเป้าหมายหุ้นไว้ที่ประมาณ 4 บาท แทบไม่มีสำนักใดตั้งราคาเป้าหมายเกิน 6 บาท
แต่ราคาถูกลากขึ้นไปเปิดที่ 7.30 บาท และยังดันไปต่อ 7.40 บาท ก่อนจะมีแรงเทขายทะลักเข้ามาจนนักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าไปเก็งกำไรรับไม่อยู่ ถอนคำสั่งซื้อไม่ทัน แบกของแพงติดไม้ติดมือกันเป็นแถว
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมราคาหุ้น WINMED ไม่ได้แตกต่างจากหุ้นใหม่ที่เข้าซื้อขายในตลาด MAI 3 ตัวก่อนหน้า ประกอบด้วย บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PROS หุ้นบริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN และ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย ) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO
เพราะทุกตัวถูกลากขึ้นไปสูงลิบในวันแรก ก่อนจะถูกทุบขายลงมา ทำให้แมลงเม่าที่แห่เข้าไปเก็งกำไรตายเป็นเบือ ติดหุ้นต้นทุนสูง โดยไม่เห็นสัญญาณที่จะตามทุนคืนได้ในระยะสั้น เพราะราคาหุ้นทรุดตัวลงต่อเนื่อง
WINMED ถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 7.40 บาท และอาจไม่ได้เห็นราคานี้อีกในระยะเวลาอันใกล้ เพราะเกมจบแล้ว ส่วนแนวโน้มผลประกอบการก็เป็นเพียงความคาดหวังในอนาคตเท่านั้น ซึ่งบริษัทน้องใหม่ก็คุยโวถึงผลกำไรอันสดใสเหมือนๆ กัน
หุ้นน้องใหม่ที่เข้ามาซื้อขายในตลาด MAI หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม ทั้ง 4 บริษัทแม้ราคาจะสูงกว่าจอง สร้างผลตอบแทนที่ดีมากให้นักลงทุนที่รับการจัดสรรโควตา
แต่สร้างความเสียหายให้นักเก็งกำไรประเภทหน่วยกล้าตายที่แห่เข้าไปลุยในวันแรก เพราะส่วนใหญ่ขาดทุนกันหลายสิบเปอร์เซ็นต์
ช่วงนี้มีหุ้นน้องใหม่รอคิวเข้าซื้อขายอีกหลายบริษัท ไม่รู้ว่านักเก็งกำไรจะเข็ดกับหุ้นใหม่บ้างหรือยัง โดยเฉพาะหุ้นใหม่ที่เข้าตลาด MAI
ผลงานการลากแมลงเม่าขึ้นไปเชือดของ 4 หุ้นใหม่ในตลาด MAI น่าจะทำให้เกิดการเข็ดขยาดหุ้นใหม่กันบ้างล่ะ