หุ้นบริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAAM กำลังเป็นหุ้นอันตรายตัวใหม่ จนตลาดหลักทรัพย์ต้องออกประกาศเตือนให้นักลงทุน ระมัดระวังการซื้อขาย
ตลาดหลักทรัพย์ประกาศเตือนหลังปิดการซื้อขายหุ้นภาคเช้าวันศุกร์ที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า การซื้อขายหุ้น SAAM เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แม้อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 2 ก็ตาม
ราคาหุ้น SAAM ปิดในวันศุกร์ที่ 2 เมษายนที่ 1.79 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 0.64 ล้านบาท โดนก่อนหน้าราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 1.70-1.80 บาทอยู่พักใหญ่ ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง
แต่ในวันจันทร์ที่ 5 เมษายน มีการจุดพลุไล่ราคาหุ้น SAAM จนพุ่งชนเพดาน 30% เมื่อปิดการซื้อขาย ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาตา 78.69 ล้านบาท
และวันที่ 6 เมษายน ราคาพุ่งชนเพดาน 30% เป็นวันที่ 2 ส่วนในวันที่ 7 เมษายน แม้จะไม่พุ่งชนเพดาน แต่ยังขยับขึ้นอย่างร้อนแรง โดยปิดที่ 3.56 บาท เพิ่มขึ้น 56 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 18.67%
จากราคา 1.79 บาท ภายในเวลา 10 วันทำการ SAAM พุ่งขึ้นมาปิดที่ 7.20 บาท ในวันที่ 22 เมษายน โดยเพิ่มขึ้น 5.41 บาท หรือเพิ่มขึ้น 300% แม้ตลาดหลักทรัพย์จะใช้มาตรการกำกับการซื้อขายถึง 2 ครั้งก็ตาม
ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 เมษายน และครั้งที่ 2 วันที่ 19 เมษายน แต่ไม่อาจสยบหุ้น SAAM ได้
คำชี้แจงจากฝ่ายบริหาร SAAM 2 ครั้งยืนยันเหมือนกันว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่จะกระทบต่อการซื้อขายหุ้น
คำถามคือ ทำไมหุ้น SAAM จึงร้อนแรงนัก ใครเป็นคนไล่ราคา และมีข่าวดีอะไรสนับสนุน
การซื้อขายช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา SAAM ถูกลากขึ้นอีก ก่อนจะปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 8.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท หรือเพิ่มขึ้น 18.06% ตลาดหลักทรัพย์จึงตัดสินใจออกประกาศด่วนเตือนนักลงทุน และกำชับให้โบรกเกอร์ดูแลการซื้อขายหุ้นตัวนี้อย่างเคร่งครัด
โบรกเกอร์ต้องสอดส่องคำสั่งซื้อขาย อย่าให้มีคำสั่งที่แปลกปลอมหรือผิดปกติหลุดเข้ามา
แม้ตลาดหลักทรัพย์จะหมายหัว SAAM แต่การซื้อขายภาคบ่ายวันศุกร์ ราคาหุ้นไม่ได้ผันผวนรุนแรงแต่อย่างใด โดยอ่อนตัวลงจากการซื้อขายภาคเข้าเพียงเล็กน้อย และปิดตลาดที่ 7.70 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาปิดวันก่อน 50 สตางค์ หรือ 6.94%
SAAM ดำเนินธุรกิจจัดหาสถานที่และให้บริการที่เกี่ยวข้องในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่ายและลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 หลังจากนำหุ้นเสนอขายในราคา 1.80 บาท จากพาร์ 1 บาท
โครงสร้างผู้ถือหุ้นประกอบด้วย นายพดด้วง คงคามี ถือหุ้นในสัดส่วน 34.58% ของทุนจดทะเบียน น.ส.กฤติยา หงส์หิรัญ ถือหุ้นในสัดส่วน 34.40% ของทุนจดทะเบียน โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 816 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 23.76%
ในรอบ 12 เดือนราคาหุ้น SAAM เคยต่ำสุดที่ 69 สตางค์ และถูกลากขึ้นมาสูงสุดที่ 8.90 บาท ในการซื้อขายภาคเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา
ค่าพี/อี เรโช หุ้น SAAM อยู่ที่ 95.17 เท่า ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี 7.88 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 0.82% ราคาหุ้นที่ถูกลากขึ้นมาจึงสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนแอ
ผลประกอบการบริษัทไม่ได้โดดเด่น โดยมีรายได้คงที่ประมาณ 73 ล้านบาทหลายปีติดต่อ เพียงแต่กำไรในแต่ละปีอาจแตกต่าง โดยปี 2563 มีกำไรสุทธิ 24.27 ล้านบาท ปี 2562 กำไรสุทธิ 16.55 ล้านบาท
ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นอย่างผิดปกติมักเกิดขึ้นเพียง 2 สาเหตุหลักคือ มีการใช้ข้อมูลภายในมาซื้อขายหุ้น เอาเปรียบนักลงทุน หรือนักลงทุนรายใหญ่ปั่นราคาหุ้น
ฝ่ายบริหาร SAAM ชี้แจงมาแล้วบริษัทไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่มีผลต่อราคาหุ้น ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ไม่มีข่าวดี
เมื่อไม่มีข่าวดี ไม่มีอินไซเดอร์ จะต้องมี “ขาใหญ่” เข้ามาปั่นเพื่อล่อแมลงเม่า
การที่ราคาหุ้น SAAM ไม่ลง ทั้งที่ถูกมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 2 ต้องซื้อขายหุ้นด้วยเงินสด และห้ามโบรกเกอร์นำหุ้น SAAM คำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายทุกบัญชี คงมองเป็นอื่นใดไม่ได้
นอกจากมีขาใหญ่เข้ามาปั่น แต่รายย่อยอาจไม่แห่ตามเข้าไปเล่น ขาใหญ่จึงติดยอดดอยอยู่ และจำเป็นต้องลากราคาหุ้นล่อแมลงเม่าต่อไป
แต่ใครจะตกเป็นเหยื่อ SAAM ในเมื่อตลาดหลักทรัพย์ปิดป้ายเตือนเป็นหุ้นอันตรายไปแล้ว