ราคาหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC ดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปิดที่ 78 สตางค์ เพิ่มขึ้น 18 สตางค์ และราคาหุ้นที่พุ่งทะยาน ส่งผลให้แผนการเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งล่าสุด ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น
AEC แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีมติเพิ่มทุน นำหุ้นใหม่จำนวน 2,856.58 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 35 สตางค์ จากราคาพาร์ 1 บาท กำหนดชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายนนี้
กลางปี 2563 AEC เคยเพิ่มทุนมาแล้ว โดยออกหุ้นใหม่จำนวน 3,060.62 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 0.4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 10 สตางค์ (พาร์ 1 บาท) และแจกวอร์แรนต์ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 2 หุ้นใหม่ต่อ 1 วอร์แรนต์ ราคาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 20 สตางค์ กำหนดชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 25-28 สิงหาคม 2563
การเพิ่มทุนครั้งก่อน หุ้นเสนอขายได้หมด เนื่องจากนายประพล มิลินทจินดา ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นอีก 14 ราย ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเกินสิทธิที่ได้รับจัดสรร โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยที่มีจำนวนทั้งหมด 2,377 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 59.68% แทบทั้งหมดสละสิทธิการจองซื้อหุ้นใหม่
วอร์แรนต์ รุ่นที่ 6 ที่ขายพ่วง แจกฟรีให้ผู้จองซื้อรวมจำนวน 1,530.31 ล้านหน่วย ปรากฏว่านายประพลได้รับการจัดสรรมากกว่า 41% ของวอร์แรนต์ที่นำมาจัดสรรทั้งหมด และผู้ถือหุ้นอื่นอีก 12 ราย ได้รับการจัดสรรรวมอีก 54% ขณะที่นักลงทุนรายย่อยได้รับการจัดสรรวอร์แรนต์ รุ่นที่ 6 ไม่เกิน 5% ของ วอร์แรนต์ทั้งหมด
วอร์แรนต์ AEC รุ่นที่ 6 จึงอยู่ในมือของผู้ถือหุ้นใหญ่ 15 รายแรกเกือบทั้งหมด
หลังจากเพิ่มทุนเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ได้ไม่นาน ราคาหุ้น AEC ถูกลากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซิลลิ่งหรือราคาพุ่งชนเพดานติดต่อกันเป็นว่าเล่น จากราคาต่ำสุดเพียง 9 สตางค์ ภายในเวลาไม่ถึงปี ถูกลากขึ้นไปสูงสุด 80 สตางค์ โดยไม่มีปัจจัยสนับสนุน
และปัจจัยพื้นฐานของ AEC ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยังถูกขึ้นเครื่องหมาย “C” เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าทุนจดทะเบียนชำระแล้ว และผลประกอบการบริษัทยังขาดทุนต่อเนื่อง
ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรงหลังการเพิ่มทุนเมื่อกลางปีก่อน จึงถูกจับตามาตลอด เพราะเป็นการขึ้นที่ไม่มีเหตุผลสนับสนุน ยิ่งนายประพล ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินคดีทางแพ่ง ในความผิดร่วมกันสร้างราคา หรือหุ้นปั่น บริษัท เกียรติธนา ขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ยิ่งทำให้เกิดความสงสัยในเบื้องหลังของราคาหุ้น AEC
ราคาหุ้น AEC ที่ถูกลากขึ้นมา นอกจากจะเป็นผลบวกกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ 15 รายแรกที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ เมื่อปีก่อน และถือวอร์แรนต์ รุ่นที่ 6 รวมกันกว่า 95% ของจำนวน 1,530.31 หน่วยงานแล้ว
ยังปูทางสำหรับการเพิ่มทุนครั้งล่าสุดอีกด้วย เพราะราคาในกระดานที่ 78 สตางค์ จะสร้างแรงจูงในให้นักลงทุนแห่เข้าไปลุยซื้อหุ้น AEC ในกระดาน โดยหวังจะได้หุ้นเพิ่มทุนในราคา 35 สตางค์
แต่นักลงทุนไม่ควรลืมว่า นายประพล และผู้ถือหุ้นใหญ่อีก 14 ราย มีหุ้นต้นทุนเพียง 10 สตางค์ จากการซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งก่อน แถมมีวอร์แรนตฺ รุ่นที่ 6 ฟรีๆ อยู่ในมือจำนวนมาก
ถ้าแมลงเม่าบินเข้าไปใน AEC รายใหญ่พร้อมขายทำกำไรงามๆ ได้ทุกราคา ขายทั้งหุ้นแม่และวอร์แรนต์ตัวลูกที่ไม่มีต้นทุน แถมบริษัทฯ ยังมีเงินทุนใหม่เข้ามาจากแมลงเม่าที่ช่วยกันสมทบทุน
การเพิ่มทุน AEC เป็นเกมรูปแบบเก่าๆ ที่นักลงทุนน่าจะอ่านออก และไม่ควรเข้าไปเล่น แต่ต้องปล่อยให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ 15 รายแรกที่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งก่อนใส่เงินเพิ่มทุนเท่านั้น
ปล่อยให้รายใหญ่ลาก AEC ต่อไป ส่วนแมลงเม่าไม่ควรเข้าไปแหยม เพราะหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นอันตรายไปเสียแล้ว