"เฮเฟเล่ ประเทศไทย" ทุ่มงบ 450 ล้านบาท เปิดศูนย์กระจายสินค้าเฮเฟเล่ บางนา-ตราด กม.22 ใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย รวมพื้นที่ 24,000 ตร.ม. ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการกระจายสินค้าในประเทศไทย รองรับสต๊อกสินค้าในภาวะหากเกิดการล็อกดาวน์ รวมถึงกระจายสู่เครือข่ายทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมก้าวหน้าครั้งสำคัญ ขึ้นแท่นรับประกาศนียบัตร DGNB รับรองมาตรฐานการก่อสร้างที่ยั่งยืนตามแบบสิ่งแวดล้อม เผยวางเป้ายอดขายอยู่ระดับ 4,200 ล้านบาท
นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงความเข้มแข็งอยู่ มองประเทศไทยมีศักยภาพ แม้จะติดการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และกลับมาเจอการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งดูแล้วแรงขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการเตรียมพร้อมวางแผนเพื่อกลับมาอย่างเข้มแข็งอีก ซึ่งหลังจากคลายล็อกดาวน์ในช่วงปีที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ กลับมา กลุ่มโมเดิร์นเทรด ค้าปลีก เริ่มมียอดคำสั่งสินค้าเข้ามา ขณะที่ลูกค้างานก่อสร้างในปีที่ผ่านมาไม่กระทบเยอะมาก
"เราได้อานิสงส์ในเรื่องยอดขายผ่านธุรกิจออนไลน์ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด แม้จะมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับยอดขาย แต่ก็เป็นแนวทางที่จะเพิ่มศักยภาพให้แก่บริษัท คาดเป้ายอดขายผ่านออนไลน์ปีนี้มูลค่าประมาณ 90 ล้านบาท เติบโตเท่าตัว และวางแผนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า สัดส่วนจากช่องทางดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 5-7 เปอร์เซ็นต์ จากปัจจุบันอยู่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์"
สำหรับทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 64 นั้น บริษัทได้มีการลงทุนไปแล้ว 450 ล้านบาทในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต ด้วยการขยายพื้นที่คลังสินค้า "บางนา-ตราด" เพิ่มพื้นที่จาก 10,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) เป็น 24,000 ตร.ม. รองรับสินค้าหมุนเวียนได้ 25,000 รายการ พร้อมปรับปรุงมาตรฐานอาคารทุกด้าน ตั้งแต่ระบบการจัดการ กระบวนการทำงาน รวมถึงการออกแบบที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงานเป็นหลัก เพื่อยกระดับบทบาทของคลังสินค้าสู่การเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"คลังสินค้าส่วนขยายมีการใช้หลอดไฟ LED และติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า 320 กิโลวัตต์ สามารถให้กำลังไฟฟ้าถึง 420 เมกะวัตต์ต่อชั่วโมง ประหยัดพลังงานไฟฟ้าคิดเป็นมูลค่า 2 ล้านบาทต่อปี และยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 8 แสนกิโลกรัมต่อปี ที่สำคัญยังช่วยลดการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากน้ำมันหรือถ่านหิน สร้างผลลัพธ์ที่ดีในการลดภาวะโลกร้อนได้โดยตรง คลังสินค้าแห่งนี้ยังเป็นอาคารที่ 2 ของเฮเฟเล่ ที่ได้รับรางวัลมาตรฐานอาคาร German Sustainable Building Council หรือ DGNB ต่อจากเฮเฟเล่ ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นอาคารที่มีความสำเร็จในการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร ตรงตามมาตรฐาน DGNB แห่งแรกของประเทศไทย"
ทั้งนี้ การขยายพื้นที่ของศูนย์กระจายสินค้าเฮเฟเล่ บางนา-ตราด เป็นตัวชี้วัดถึงประสิทธิภาพของระบบการกระจายสินค้า และจุดแข็งด้านการจัดเก็บสินค้าที่มีเพียงพอต่อความต้องการระยะยาว และยังลดความเสี่ยงในเรื่องการบริการให้แก่ลูกค้าหากเกิดการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถด้านบริการขนส่งให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย รวมถึงเครือข่ายของเฮเฟเล่ สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคง
โดยเป้าหมายธุรกิจปี 64 คาดว่าตัวเลขยอดขายจะใกล้เคียงปีที่ผ่านมามูลค่าประมาณ 4,200 ล้านบาท และหากการฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพ ก็น่าจะส่งผลดีต่อเนื่องต่อตลาดในครึ่งหลังของปี 64
