กระแสการเก็งกำไรเงินดิจิทัล BITCOIN ที่ร้อนแรง ทำให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องจับตาความเคลื่อนไหว และ เตรียมปรับปรุงกฎเกณฑ์การกำกับดูแลเงินดิจิทัลทั้งระบบ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
นับจากต้นปี ตัวเลขผู้เปิดบัญชีซื้อขายเงินดิจิทัลของประเทศไทยพุ่งขึ้นถึง 3 เท่า จากปลายปี 2563 มีผู้เปิดบัญชีประมาณ 1.6 แสนบัญชี แต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ตัวเลขผู้เปิดบัญชีพุ่งขึ้นเป็น 4.7 แสนบัญชี
ถ้าดูรายละเอียดของบัญชีซื้อขายเงินดิจิทัล ยิ่งน่าตื่นตกใจ เพราะจำนวน 3% ของผู้เปิดบัญชีเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ส่วนอีก 47% เป็นคนวัยเริ่มทำงานอายุไม่เกิน 30 ปี ซึ่งเงินลงทุนเฉลี่ยรายละ 20,000 บาท และที่เหลืออีก 50% เป็นคนที่มีอายุเกิน 30 ปี วงเงินลงทุนเฉลี่ยรายละ 53,000 ล้านบาท
ราคา BITCOIN ที่พุ่งทะยานจากช่วงปลายปี กระตุ้นให้คนแห่เข้ามาเก็งกำไร แม้แต่เยาวชนที่ยังขาดประสบการณ์ลงทุนยังอยากจะรวยเร็วไปด้วย
การซื้อขายเงินดิจิทัลแตกต่างจากการซื้อขายหุ้น เพราะหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานที่จะวิเคราะห์ มีค่าพี/อี เรโช หรือสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น มีอัตราเงินปันผลตอบแทนให้วิเคราะห์เพื่อคำนวณความเหมาะสมของราคาหุ้น
แต่ เงินดิจิทัล รวมทั้ง BITCOIN เป็นสินทรัพย์ที่ไม่อาจจับต้องได้ ไม่มีปัจจัยพื้นฐานใดที่จะวิเคราะห์ความเหมาะสมของราคา มีแต่การคาดเดาแนวโน้มราคาเท่านั้น
การเก็งกำไรเงินดิจิทัลจึงมีความเสี่ยงสูง อาจรวยเร็ว แต่สามารถหมดตัวได้ภายในพริบตา เพราะราคาขึ้นลงเร็วมากยิ่งกว่าราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เสียอีก โดยเฉพาะในปีนี้ ราคาสามารถขึ้นหรือลงได้วันละหลายพันดอลลาร์
ต้นปี 2563 ราคา BITCOIN เคยร่วงลงไปเหลือประมาณ 4,000 ดอลลาร์ แต่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ BITCOIN ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 48,000 ดอลลาร์ โดยภายใน 1 ปี เพิ่มขึ้นกว่า 1,000% และฉุดให้เงินดิจิทัลสกุลอื่นพุ่งขึ้นตาม รวมทั้ง ETHEREUM เงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุดรองจาก BITCOIN ที่ทะยานตามมาด้วย
การปรับปรุงกฎเกณฑ์กำกับดูแลเงินดิจิทัล ก.ล.ต.วางกรอบกำกับดูแลทั้งการเสนอขายเงินดิจิทัลต่อประชาชนเป็นครั้งแรก การซื้อขายเงินดิจิทัล และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเงินดิจิทัล รวมทั้งบริษัทนายหน้าซื้อขายเงินดิจิทัลซึ่งปัจจุบันมี 4 บริษัทที่ ก.ล.ต.ให้ความเห็นชอบ
BITCION กลายเป็นสินทรัพย์ที่ทั่วโลกให้การยอมรับมากขึ้น โดยบริษัทขนาดใหญ่อย่าง "เทสลา มอเตอร์ส" ของนายอีลอน มัสก์ ยังทุ่มเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อ BITCOIN และปั่นจนราคา BITCOIN พุ่งทะลุ 47,000 ดอลลาร์
ส่วน BITCOIN ในประเทศไทยมีแนวโน้มว่า จำนวนนักเก็งกำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคนหนุ่มสาววัยเริ่มทำงาน ที่ไม่กลัวเจ๊ง ไม่กลัวตาย แต่หวังจะรวยเร็วเท่านั้น ซึ่งทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวล
ตลาดหลักทรัพย์เปิดมาแล้ว 46 ปี แต่มีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นเพียงประมาณ 1.5 ล้านคน แต่ BITCOIN เพิ่งลามเข้าไประเทศไทยเพียงไม่กี่ปี แต่มีการเปิดบัญชีซื้อขายแล้ว 4.7 แสนบัญชี และมีแนวโน้มว่า จำนวนนักเก็งกำไรจะเพิ่มขึ้นในอัตราก้าวงกระโดดต่อไป ถ้าราคา BITCOIN ยังพุ่งขึ้น
ปัจจุบันมูลค่าซื้อขายเงินดิจิทัลตกประมาณวันละเฉียด 1 หมื่นล้านบาท โดยซื้อขายกัน 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน และมีเงินเพียงไม่กี่พันบาท สามารถเปิดบัญชีซื้อขายเก็งกำไรได้
การซื้อขายเงินดิจิทัลแตกต่างจากการซื้อขายหุ้น เพราะต้องวางเงินสด 100% โดยไม่มีมาร์จิ้นหรือมีวงเงินสินเชื่อเพื่อการซื้อหุ้นเหมือนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และหากมีกำไรจากการซื้อขายจะต้องเสียภาษี ขณะที่กำไรจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี
การที่ ก.ล.ต.เตรียมปรับปรุงกฎเกณฑ์กำกับดูแลเงินดิจิทัล สะท้อนให้เห็นว่า ก.ล.ต.เห็นถึงอันตรายที่จะเกิดจากเก็งกำไรสินทรัพย์ชนิดใหม่ล่าสุดของโลก
และอาจมีความรู้สึกเหมือนที่ประชาชนทั่วไปรู้สึก โดยรู้สึกว่าคนที่แห่เก็งกำไรเงินดิจิทัล โดยเฉพาะ BITCOIN ส่วนใหญ่แห่ตามกระแส แห่เก็งกำไรทั้งที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจ
และ อาจต้องหมดเนื้อหมดตัวกับ BITCOIN