xs
xsm
sm
md
lg

แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เผยปี 63 กำไรหด 8.9% ตามรายได้รับพิษโควิด-19 แต่ลูกค้า 4G/5G ยังโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการปี 63 เอไอเอสมีรายได้รวม 172,890 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปีก่อน ด้านธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีรายได้ลดลง 6.5% เทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการสูญเสียรายได้ในกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม เอไอเอสยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ทั้งด้านรายได้ และจำนวนผู้ใช้บริการ ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือมากที่สุดในตลาดอยู่ที่ 41.4 ล้านเลขหมาย เป็นลูกค้าระบบรายเดือน จำนวน 10.2 ล้านราย เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/63 จำนวน 420,900 ราย และมีลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 31.2 ล้านราย เพิ่มขึ้น 74,400 ราย

ขณะที่การใช้งาน 4G ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นปีมีลูกค้าที่ใช้งาน 4G เพิ่มขึ้นเป็น 77% โดยลูกค้าใช้ปริมาณดาต้าเฉลี่ย 18 กิกะไบต์ต่อเดือน เพิ่มขึ้น 42% เทียบกับปีก่อน ส่วนการใช้งาน 5G นับตั้งแต่เปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน มีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 239,000 ราย

ภาพรวมจากการบริหารต้นทุนที่ดี ทั้งด้านต้นทุนการให้บริการ และค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ส่งผลให้เอไอเอสมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 76,619 ล้านบาท ลดลง 2.7% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าการลดลงของรายได้ และมีกำไรสุทธิ 28,423 ล้านบาท ลดลง 8.9% เทียบกับปีก่อน โดยเอไอเอสจะจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 3.68 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 75% ของกำไรสุทธิ ในวันที่ 20 เม.ย.64

ทั้งนี้ เอไอเอสได้พัฒนาเครือข่าย 5G มาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งขยายเครือข่าย 5G เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนการสนับสนุนการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งการแพทย์ โลจิสติกส์ การผลิต การรักษาความปลอดภัย และสมาร์ทซิตี เราเชื่อมั่นว่า 5G จะกลายเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เป็น The Real New Normal ด้านเทคโนโลยีที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และประชาชน ขณะที่ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ ยังคงเติบโตเหนืออุตสาหกรรม ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ เป็นผลให้คนไทยส่วนใหญ่ปลี่ยนวิถีชีวิตมา Work from Home และ Learn from Home เป็นจำนวนมาก ตลอดปี 63 มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 29% หรือกว่า 299,300 ราย ซึ่งสูงกว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เติบโตเฉลี่ย 10-12% โดยปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ที่ 1.3 ล้านราย จากความมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการอย่างดีเยี่ยม

เอไอเอส ไฟเบอร์ ได้รับเลือกเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ยอดเยี่ยมในเอเชีย-แปซิฟิกประจำปี 2020 โดย Frost & Sullivan องค์กรให้คำปรึกษาทางธุรกิจและการวิจัยเชิงธุรกิจที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 50 ปี และ Ookla Speedtest ผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับโลก ประกาศให้ AIS Fibre ได้รับรางวัลเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบ้านที่เร็วที่สุดอันดับ 1 ในประเทศไทย 2 ปีซ้อน (62-63) พร้อมตั้งเป้าหมายที่จะก้าวสู่ Top 3 ผู้นำอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของไทยให้ได้ภายในปี 64 ส่วนธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร การทำตลาด Enterprise ยังได้รับความสนใจจากลูกค้า Corporate และ SME อย่างต่อเนื่อง โดยมีความสนใจในกลุ่ม Telecom Services ซึ่งเป็นบริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการติดต่อสื่อสาร และเครือข่ายขององค์กรต่างๆ และบริการ Digital Enabler สำหรับธุรกิจต่างๆ เพื่อนำ Digital Technologies ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจยุคใหม่ เช่น IT, Cloud, IoT, Cyber Security, Digital Marketing รวมถึงเทคโนโลยี 5G ในอนาคต


นายสมชัย กล่าวว่า จากวิกฤตโควิด-19 ช่วงต้นปี 63 ทำให้ทุกภาคส่วนได้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาด ฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจ และเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศชาติให้เติบโตอย่างยั่งยืน เรายังเชื่อมั่นว่า โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G ซึ่งปัจจุบัน

เอไอเอสถือครองคลื่นความถี่ทั้ง 4G และ 5G มากที่สุด ครอบคลุมมากที่สุดในไทย จำนวน 1420MHz และภายในเดือน ก.พ.นี้ จะได้รับใบอนุญาตคลื่น 26GHz ครบทั้ง 3 ย่านความถี่ สูง กลาง และต่ำ จะมีส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพของการขยายเครือข่าย 5G เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าคนไทย และผลักดันส่งเสริมให้เกิดการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม หลังจากช่วงที่ผ่านมา เราได้ร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ใน ecosystem หลายราย เพื่อทดลองทดสอบการใช้งานในพื้นที่จริงมาแล้วอย่างต่อเนื่อง 

"จากบทเรียนในวิกฤตที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่าภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด คือการเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รอบตัว จะช่วยผลักดันให้เราเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ในวันนี้ เทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ได้อยู่ไกลตัวเราอีกต่อไป อยู่ที่ว่าใครจะปรับใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร สำหรับเอไอเอสวันนี้เรามีทั้ง Core Business และการเติบโตในกลุ่มธุรกิจใหม่ หรือ New Business เช่น ธุรกิจวิดีโอ ประกันภัย ดิจิทัลเพย์เมนต์ และบริการร่วมกับพาร์ตเนอร์ เป็นต้น ที่มีความท้าทายและโอกาสอย่างมหาศาล

แต่สิ่งสำคัญคือความสำเร็จข้างหน้าร่วมกัน โดยเอไอเอสเดินหน้าจัดสรรงบลงทุนในปี 64 จำนวน 25,000-30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลสำหรับประเทศไทยอย่างไม่หยุดยั้ง และพร้อมที่จะเป็นแกนกลาง สนับสนุนทุกภาคส่วน จากความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ใน Digital Ecosystem เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศชาติให้ก้าวผ่านทุกความท้าทายไปด้วยกันอย่างยั่งยืน" นายสมชัย กล่าว