ดีแทค รายงานผลประกอบการปี 2563 รายได้รวม 78,818 ล้านบาท ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ลูกค้ารวม 18.9 ล้านราย ลดลงทั้งปี 1.8 ล้านราย แต่ในไตรมาส 4 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมวางงบลงทุนปีนี้ 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท
ณ สิ้นปี 2563 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมดอยู่ที่ 18.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 173,000 รายจากไตรมาสก่อนหน้า จากการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในกลุ่มลูกค้าชาวไทย โดยมีผู้ใช้บริการลดลง 1.8 ล้านคนในระหว่างปี เป็นผลจากนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าวที่หายไปหลังมาตรการปิดประเทศ
โดยรายได้รวมในปี 2563 อยู่ที่ 78,818 ล้านบาท ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นรายได้จากการให้บริการ 56,711 ล้านบาท บริการข้ามแดน 274 ล้านบาท บริการอื่นๆ 1,427 ล้านบาท และจากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์ และเลขหมาย 6,980 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,107 ล้านบาท
ดีแทคให้แนวโน้มสำหรับปี 2564 ในส่วนของรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC ที่ลดลงในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ EBITDA ที่ลดลงในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ และค่าใช้จ่ายลงทุน 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท
นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า แม้ว่าผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ยังคงมีอยู่ ทำให้ต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวและเติบโต ด้วยการดำเนินงานที่ยืดหยุ่น
ดีแทคยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและยึดมั่นแนวทางการดำเนินงานที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและมอบข้อเสนอที่มุ่งเน้นคุณค่าที่สุด ในขณะที่เพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลให้แก่ลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป แม้จะมีปัจจัยความไม่แน่นอนในเส้นทางสู่การฟื้นตัวของเราในอนาคต
“เรายังมุ่งเน้นขยายโครงข่ายการให้บริการของดีแทคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจถึงคุณภาพในการให้บริการและสร้างประสบการณ์ใช้งานความเร็วสูงให้แก่ลูกค้า ในขณะที่ยังคงรักษาความต่อเนื่องในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล พร้อมทั้งมุ่งเน้นประสิทธิภาพการดำเนินงานเป็นเลิศด้วยนวัตกรรม และการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต"
ตลอดปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ไม่เพียงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของลูกค้าซึ่งได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ยังมีการปรับปรุงการใช้งานออนไลน์ ทั้งสำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคลและลูกค้าองค์กร เพื่อช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานของลูกค้ายุคใหม่ที่มีความต้องการใช้ข้อมูลจำนวนมากมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ก็รักษาคำมั่นสัญญาที่จะพัฒนาโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ในปี 2563 ดีแทคได้ใช้เทคโนโลยี Massive MIMO เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการใช้งาน 3 เท่า ขยายการให้บริการบนคลื่น 2300 MHz ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างดีแทคและทีโอที ให้ครอบคลุมสถานีฐานมากกว่า 20,000 สถานี
พร้อมกับเริ่มเปิดให้บริการคลื่น 700 MHz ซึ่งเป็นคลื่นย่านความถี่ต่ำ ไปยังสถานีฐานกว่า 2,400 แห่งเพื่อขยายพื้นที่ครอบคลุมและพัฒนาประสบการณ์การใช้งานภายในอาคารให้ดียิ่งขึ้น และสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งอนาคต 5G โดยบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเปิดตัวการใช้งาน 5G ที่ครอบคลุมแนวคิดสมาร์ทซิตี การจัดการน้ำ และการจัดการพลังงานอัจฉริยะ