วันนี้ (23 ม.ค.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” ระบุว่า ตนได้รับข้อมูลจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนส่งเรื่องเกี่ยวกับที่ฝายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ยื่นญัตติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. โดยอ้างว่าทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลใช้งบประมาณของรัฐสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้แก่ตัวเอง และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายสามารถกล่าวอีกว่า ตนเห็นญัตติของฝ่ายค้านแล้วแค่ใช้คำว่า “มีอิทธิพล” เริ่มต้นนั้นก็ผิดแล้ว เพราะส่วนตัวผมและพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ได้สัมผัส พล.อ.ประวิตร ท่านเป็นทหารรบอยู่ชายแดนมาตลอด ท่านมีหัวใจนักรบ มีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้งยึดมั่นมาโดยตลอด รวมถึงท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตาช่วยเหลือประชาชน มีจิตสาธารณะ เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่ให้ชาวบ้านเป็นที่พึ่งพา ทำให้ท่านมีบารมี เพราะท่านสั่งสมทำมาตั้งแต่วัยหนุ่มจนปัจจุบันอายุ 75 ปี โดยคำว่า “บารมี” ในทางพระพุทธศาสนามีความหมาย 2 ประการ คือ 1. ดีเลิศอันสูงสุด และ 2. ความดีที่บำเพ็ญเพื่อบรรลุจุดหมายอันสูงสุด ดังนั้น สิ่งที่ท่านทำมาตลอดเป็นการทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่วนในพระพุทธศาสนาที่มีคำนิยามไว้เพื่อให้คนเรามุ่งเน้นสร้างบารมีตามพระโพธิสัตว์ในด้านการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นทุกข์ นั่นคือสิ่งที่ พล.อ.ประวิตรทำมาโดยตลอด จึงอยากเตือนฝ่ายค้านว่า อย่าคิดว่าบำเพ็ญเพียงวันเดียวแล้วจะเป็นเซียนได้ การเป็นเซียนได้นั้นต้องสะสมบารมี ต้องหมั่นทำความดี ตนจึงคิดว่าคนเขียนญัตติอภิปราย พล.อ.ประวิตรนั้น ถ้าไม่ถูกจ้างมาให้เขียนก็คงเขียนโดยขาดข้อมูลโดยคงมีมยาคติกับ พล.อ.ประวิตร จึงเขียนไปด้วยความกลัว กลัวว่า พล.อ.ประวิตรจะเป็นที่รักของพ่อแม่พี่น้องประชาชน
นายสามารถกล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตรนั้นไม่เคยใช้บารมีในทางที่เสื่อมเสีย ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับบ่อนการพนันหรือยาเสพติด มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแสดงให้เห็นเป็นที่ปรากฏต่อประชาชน ประชาชนจึงเชื่อมั่นในตัวท่านมาตลอด จึงมีคำเรียกจากชาวบ้านเรียก พล.อ.ประวิตรว่าลุงป้อมบ้าง พี่ป้อมบ้าง ตนเห็นมีเพียงแต่วาทกรรมของฝ่ายค้านที่พยายามจะป้ายสีให้คนอื่นเข้าใจผิดในตัว พล.อ.ประวิตร ทั้งนี้ จากการที่ตนลงพื้นที่ร่วมกับ พล.อ.ประวิตร ต่างก็มีพ่อแม่พี่น้องมารอให้การต้อนรับและขอบคุณที่ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ อาทิ เรื่องหนี้นอกระบบ เรื่องปัญหาการจัดการน้ำ ถือว่าท่านเป็นคนแรกของประเทศไทยที่แก้ปัญหานี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ขอเตือนฝ่ายค้านว่าญัตติที่เขียนยื่นไม่ไว้วางใจนั้น ขอให้อภิปรายตามข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎร อย่าพาดพิงบุคคลอื่นหรือบุคคลที่ 3 ขอให้นำข้อความจริงมาพูด อย่าเต้าข่าวขึ้นเสียเองเพราะประชาชนรู้ทันกันหมดแล้ว ทั้งนี้ ผมและ ส.ส.อีกหลายท่านจะเป็นวอร์รูมในการสนับสนุนข้อมูลจริงและตอบโต้ประเด็นที่ไม่ใช่ความจริงทั้งในสภาและนอกสภา ซึ่งผมได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามเรื่องนี้แล้ว จึงอยากฝากไปยังพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะเป็นผู้อภิปราย พล.อ.ประวิตรขอให้ทำการบ้านหาข้อมูลให้ดีและบริหารเวลาให้ดีอย่าพูดลอยๆ โดยไม่มีข้อมูลเพราะสุดท้ายพ่อแม่พี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน”