น.ส.ดุษณี เกลียวปฏินนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์การออมและกลยุทธ์ลูกค้าบุคคลธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า แผนงาน Wealth Management ปี 2564 ธนาคารจะเน้นยุทธศาสตร์ของการให้บริการเชิงลึก มุ่งเน้นดิจิทัล นำเสนอความหลากหลาย ตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล และประยุกต์การใช้งานข้อมูลให้เต็มศักยภาพ เพื่อก้าวเป็น Bank of Choice โดยมีเป้าหมายขยายส่วนแบ่งตลาดจากการลงทุนของฐานลูกค้า Wealth ทั้งหมด ไม่มุ่งเน้นขยายจำนวนลูกค้าเป็นหลัก
ทั้งนี้ การให้บริการเชิงลึก (Deepening relationships) เป็นการต่อยอดจุดแข็งของการมีทีมเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาตและความเชี่ยวชาญ รวมถึงทีมวิจัยที่เจาะลึกราย sector ให้คำปรึกษาแนะนำการลงทุนแบบเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น และสะดวกขึ้นด้วยระบบ Smart/Robo Advisory พร้อมทั้งนำพาลูกค้าลงทุนเชิงลึก ขยับไปลงทุนต่างประเทศ ผ่าน Bond Custodian เพื่อดูแลการลงทุนภายใต้โลกทัศน์การลงทุนที่เปลี่ยนไป
พร้อมกันนั้น จะมุ่งเน้นดิจิทัล Digital focus เพิ่มความสะดวก ง่าย ลงทุนจากที่ใดก็ได้ จากการเปิดตัวบริการซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชันหลัก CIMB THAI Digital Banking กลางปีที่ผ่านมา ลูกค้าตอบรับ ปรับตัวไว มียอดจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปแตะ 1 พันล้านบาทในเวลาอันสั้น และพร้อมให้บริการระบบ Order Management System ลูกค้าสามารถซื้อกองทุนรวมได้ทั้ง 8 บลจ.ที่ธนาคารจับมือ ผ่านทุกช่องทางดิจิทัลในปี 2564 ธนาคารยังมีแอป myPreferred ที่ลูกค้า CIMB Preferred เลือกรับสิทธิประโยชน์และของสมนาคุณได้ตามความชอบ และได้เพิ่มเครื่องมือช่วยจัดพอร์ต ทำให้บุคคลทั่วไปที่แม้ไม่ใช่ CIMB Preferred โหลดแอปมาเพื่อจัด asset allocation ได้ด้วย สุดท้ายคือ แอป myWealth ให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามและนำเสนอพอร์ตการลงทุนให้แก่ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
นำเสนอความหลากหลาย Strengthened offerings เป็นจุดแข็งที่พัฒนาไม่หยุดยั้ง เริ่มจากตราสารหนี้ที่ซับซ้อน การเปิดตัวยูนิเวอร์แซลไลฟ์ ยูนิตลิงค์ Open Architecture การจับมือพันธมิตรประกันรายใหม่ทั้งประกันชีวิต Life และประกันวินาศภัย Non-life และการพาลูกค้าขยับไปลงทุนต่างประเทศด้วยเครือข่ายแข็งแกร่งของกลุ่มซีไอเอ็มบี และการมี Bond Custodian พร้อมรับฝากดูแลพอร์ตหุ้นกู้ให้แก่ลูกค้า
ตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล Revamp service model ธนาคารได้จัดกลุ่มลูกค้า Wealth ใหม่ เพื่อสนอบความต้องการและสื่อสารได้ตรงจุด โดยแบ่งเป็นลูกค้า Preferred ที่มี AUM 3-29.99 ล้านบาท และลูกค้า Private Wealth ที่มี AUM ตั้งแต่ 30 ล้านบาท ด้วยสิทธิประโยชน์ที่ไม่แพ้ตลาด และการให้คะแนนที่ลูกค้าเลือกได้ว่าจะรับของสมนาคุณ หรือใช้จ่ายค่าธรรมเนียมได้ พร้อม ฟรีตู้นิรภัย และอัตราดอกเบี้ยพิเศษทั้งด้านเงินฝากและสินเชื่อ และสุดท้าย คือ ประยุกต์การใช้งานข้อมูล Being “Data Smart” เป็นระบบที่จะช่วยขยายโอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ข้ามกลุ่มได้ตรงยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในปีหน้าธนาคารเตรียมที่จะเปิดให้บริการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่ลูกค้าในกลุ่มนี้โดยใช้กองทุนมาค้ำประกันเพี่อนำเงินที่ได้มาลงทุนใหม่กับธนาคารในวงเงิน 50-85% ของหลักทรัพย์ค้ำประก้นซึ่งเป็นรูปแบบที่คล้ายกับธนาคารซีไอเอ็มบีที่สิงคโปร์ทำมาแล้ว โดยปัจจุบันธนาคารมีลูกค้ากลุ่ม Preferred 80,000 ราย เป็นกลุ่มที่มีการลงทุนสม่ำเสมอ 50,000 ราย ตั้งเป้าหมายเพิ่มอีก 10,000 รายในปีหน้า มีสินทรัพย์พื่อการลงทุน (AUM) 270,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายเพิ่มอีก 20% ในปีนี้
นายดนัย อรุณกิตติชัย ผู้บริหารที่ปรึกษาการลงทุน และผลิตภัณฑ์ทางการเงินธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า บทเรียนที่น่าสนใจปีนี้ ท่ามกลาง COVID-19 แต่สินทรัพย์หลายตัวให้ผลตอบแทนเป็นบวก สำหรับเศรษฐกิจปีหน้ามีแนวโน้มดีกว่าปีนี้ เพราะความกังวัลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจลดลงไปมาก จากปีนี้ GDP เกือบทุกประเทศติดลบ จะกลับมาบวกปีหน้า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนปี 2564 หุ้นน่าจะทำได้ดี เพราะดอกเบี้ยต่ำ และรัฐบาลยังต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมาก ส่วนอุตสาหกรรมที่มีทิศทางสดใส ได้แก่ หุ้นหมวด cloud computing เพราะ platform online ต้องอาศัยงานหลังบ้าน และมีทางเลือกให้ลงทุนหลากหลาย ถัดมาคือ หมวด e-commerce ค้าขายออนไลน์ และสุดท้าย หมวด health tech เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพที่ล้ำหน้ามากขึ้น
สำหรับ Asset Allocation จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังต่ำต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ปี หุ้นกู้เอกชนมีความน่าลงทุนมากกว่าพันธบัตรรัฐบาล จากโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ที่จะลดลงค่อนข้างมาก นอกจากนี้ หุ้น 3 กลุ่ม ธนาคารชอบหุ้นกลุ่ม Regional ถัดมาคือ หุ้นกลุ่ม Global ส่วนหุ้นไทยต้องรอเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเต็มที่อีกครั้ง
ทั้งนี้ ธนาคารได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจรางวัล Wealth Management Platform of the Year ในประเทศไทย และรางวัลชนะเลิศ Consumer Finance Product of the Year ในประเทศไทย จากงาน The Asian Banking & Finance Retail Banking Awards ประจำปี 2563 โดยเป็นธนาคารแห่งแรกในไทยที่ให้ลูกค้าจองซื้อพันธบัตรผ่านแอปพลิเคชันมือถือและกำลังจะนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายที่สุดในแอป เช่น หุ้นกู้ตลาดรอง และ Structure Notes ในอนาคตอันใกล้ อีกทั้งยังให้คำปรึกษาด้านการลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ (Smart Advisory) และช่องทางโซเชียลช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันเพราะมีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกลงทุน และสิทธิพิเศษระดับภูมิภาค ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของอาเซียน