คาดปี 64 ตลาดอสังหาฯ ยังคงผันผวน แม้ทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้น ระบุสถานการณ์ "โควิด-เศรษฐกิจโลก" ยังส่งผลต่อสถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ กระทบต่อการลงทุนทุกภาคธุรกิจ “กานดา” เผยปี 64 เบรกซื้อที่ดินสะสมรอพัฒนา แจงที่ดินสะสมในมือรองรับพัฒนาโครงการใหม่-ลูกค้าได้ 2-3 ปี แจงปีหน้าเปิดตัว 5 โครงการแนวราบ กทม.-ปริมณฑล ชะลอแผนขึ้นคอนโด-โรงแรมในภูเก็ต ตั้งเป้ายอดขายปีหน้า 2,700 ล้านบาท โอน 2,300 ล้านบาท
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 จากความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกัน และภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่สถานการณ์โดยรวมแล้วยังถือว่ายังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับปัจจัยลบ จากสถานการณ์ด้านการเมือง และสถานการณ์การติดเชื้อของประชาชนในประเทศในขณะนี้ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 64 จะยังมีความผันผวนอยู่
ดังนั้น บริษัทจึงมีนโยบายชะลอการซื้อที่ดินสะสมเพื่อรอพัฒนาโครงการใหม่ จากเดิมที่มีนโยบายจะใช้งบประมาณในการซื้อที่ดิน สะสมเพื่อรอการพัฒนาโครงการต่อปี 1,000 ล้านบาท ยกเว้นกรณีที่มีที่ดินในราคาถูกจริงเข้ามาให้พิจารณาอาจจะมีการซื้อเก็บไว้ ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีที่ดินสะสมรอการพัฒนาเพื่อรองรับโครงการใหม่อยู่ในมือแล้วซึ่งเป็นที่ดินที่มีการพัฒนาบางส่วนและบางส่วนยังรอการพัฒนาอยู่หน่วยที่ดินทั้งหมดเมื่อนำมาพัฒนาโครงการแล้วจะมีมูลค่าประมาณ 13,800 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีการพัฒนาและอยู่ระหว่างการขายประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอและสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าไปอีก 2-3 ปี
ทั้งนี้ในปี 64 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการแนวราบรวม 5 โครงการต่อเนื่องในทำเลประชาอุทิศ 90 จำนวน 1 โครงการ ในทำเลพัทยา 1 โครวการ ทำเลพระราม 2 กม.14 จำนวน 1 โครงการ ทำเลลำลูกกาคลอง 6 จำนวน 1 โครงการ และในทำเลลำลูกกาคลอง 4 อีก 1 โครงการ ส่วนโครงการแนวสูงและโรงแรม รวมถึงอพาร์ตเมนต์ที่เคยมีแผนจะลงทุนในทำเลพระราม 7 ทำเลติดเซ็นทรัลภูเก็ต ทำเลมาดูบัวภูเก็ต ทำเลเรียบถนนกัลปพฤกษ์ จะชะลอแผนการลงทุนออกไปก่อน
“ส่วนตัวแล้วมองว่าสถานการณ์ตลาดยังชะลอตัวไปจนถึงปลายปี 64 และจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงปี 65 เนื่องจากมีปัจจัยการระบาดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก และเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้และส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย”
นายอิสระ กล่าวว่า ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าภาคธุรกิจอสังหาฯ ที่มีการขยายตัวได้ดีในช่วงก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนภาคอสังหาฯ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า เช่น แม็คโคร โลตัส หรือการขยายการลงทุนของเซเว่น-อีเลฟเว่น โฮมโปร โฮมเวิร์ค ไทยวัสดุ ทั้งหมดนี้มีการขยายตัวเพื่อรองรับการท่องเที่ยวทั้งสิ้น
ดังนั้น แม้ว่าทิศทางในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น แต่สถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 และเศรษฐกิจโลกยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลต่อการท่องเที่ยวภายในประเทศ และส่งผลกระทบถึงธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องเพราะโครงการที่ลงทุนเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ การตั้งเป้าหมายการขายและโอนในปี 64 ของบริษัทจะอยู่ภายใต้การประมาณการเสนอการตลาดและปัจจัยที่จะเข้ามากระทบ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 2,700 ล้านบาท และมียอดโอน 2,300 ล้านบาท ส่วนในปี 63 นี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 2,500 ล้านบาท และยอดโอน 2,000 ล้านบาท โดยในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมามียอดขายแล้ว 2,000 กว่าล้านบาท และมียอดโอน 1,900 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีนี้ยอดขายจะปรับตัวลดลงประมาณ 5%