พลังงานบริสุทธิ์ อวดรายได้งวด 9 เดือน 12,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากนโยบาย B10 ส่งผลให้งวด 9 เดือน สายธุรกิจไบโอดีเซลมีรายได้ 4,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% ด้านธุรกิจไฟฟ้ามีรายได้ 7,795 ล้านบาท ลดลง 2% เหตุการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมได้น้อยกว่าคาด เพราะปีนี้กระแสลมแรงเลื่อนมาเริ่มเกิดไตรมาส 4 ส่วนรายได้จากโซลาร์เพิ่มขึ้น 3% มั่นใจรายได้ปี 64 โตกระโดดจากการก้าวเข้าสู่ New S-Curve หลังโรงงานแบตเตอรี่เฟสแรกเดินหน้าผลิต พร้อมลุยตลาดยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า การดำเนินงานปี 63 เน้นการลงทุนในการสร้างฐานธุรกิจใหม่เพื่อทำ New S-Curve ให้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 64 ให้สำเร็จ แม้มีสถานการณ์โควิด-19 ที่เป็นอุปสรรคอยู่บ้าง แต่บริษัทก็สามารถปรับแผนและแก้ไขปัญหาต่างๆ มาได้เป็นอย่างดี จากการประเมินความพร้อมด้านต่างๆ พบว่า การก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่คืบหน้าไปกว่า 90% แล้ว และได้เริ่มติดตั้งเครื่องจักรในเดือนพฤศจิกายนนี้แล้ว คาดโรงงานจะเสร็จสมบูรณ์และเริ่มผลิตเซลล์แบตเตอรี่ได้ในเดือนมกราคมปี 64 จากนั้นจะก้าวเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งจะสามารถป้อนแบตเตอรี่เข้าสู่สายธุรกิจผลิตยานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ ในกลุ่มของบริษัทประกอบด้วย รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รถบัสโดยสารไฟฟ้า (E Bus) และเรือโดยสารไฟฟ้า (E Ferry) ได้ทันที
ขณะที่ภายใต้สถานการณ์ไวรัสโควิด- 19 บริษัทฯ ปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยหันมามุ่งเน้นการบุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทั้ง E Bus และ E Ferry ที่ปัจจุบันมีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นยานพาหนะที่มีการใช้งานในแต่ละวันสูง เพื่อให้บริการการเดินทางแก่ประชาชนจำนวนมาก ดังนั้น การปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนจะช่วยทั้งลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ผู้ให้บริการเดินรถและเรือลงได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งไม่มีมลพิษทางอากาศ และ PM 2.5 อีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนในบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด เพื่อเป็นฐานการผลิตรถเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีออเดอร์เข้ามาแล้ว และเตรียมจะทำการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อส่งมอบตั้งแต่ปลายไตรมาส 1 ของปี 64 ส่วนธุรกิจเรือไฟฟ้าดำเนินการโดยบริษัทย่อยชื่อ บริษัท อี สมาร์ททรานสปอร์ต จำกัด เตรียมจะเริ่มให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้าในชื่อ MINE Smart Ferry ตั้งแต่ท่าเรือสะพานพระนั่งเกล้า ถึงสาทร เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป
สำหรับโครงการลงทุนปี 264 โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในโครงการที่ต่อเนื่องจากปี 63 โดยจะมุ่งเน้นธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้า บริษัทฯ ยังคงศึกษาและเตรียมความพร้อมเพื่อจะลงทุนทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีความต้องการขยายกำลังการผลิตและกระจายไฟฟ้าในแต่ละประเทศ โดยจะนำแบตเตอรี่ที่ผลิตได้มาผนวกเข้ากับเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อใช้สร้างรายได้และการเติบโตของกลุ่มEA ต่อไป
อย่างไรก็ดี ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้รวม 12,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด 9 เดือนของปีก่อน 17% และมีกำไรสุทธิ 3,720 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3/63 มีรายได้รวม 3,801 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,119 ล้านบาท