xs
xsm
sm
md
lg

เมย์แบงก์ กิมเอ็งมอง SET เริ่มเข้าจุดฟื้นตัวรับนโยบายเชิงบวกของว่าที่ ปธน.สหรัฐฯ คนใหม่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET ประเมินว่า สำหรับ Joe Biden ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา แม้การนับคะแนนผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ จะยังไม่จบอย่างเป็นทางการ แต่สถานการณ์ล่าสุด Joe Biden มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งหากคะแนนไม่พลิกไปจากปัจจุบัน ผลจะจบลงที่ชัยชนะของ Joe Biden ด้วยคะแนน Electoral Vote ที่ 270 ต่อ 268 ซึ่งถือเป็นผลที่ออกมาสอดคล้องกับผลสำรวจก่อนการเลือกตั้งที่ Joe Biden นำมาโดยตลอด แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ได้ชนะขาดเหมือนที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า เนื่องจาก Donald Trump สามารถกวาดคะแนนในรัฐใหญ่อย่าง Texas และ Swing States อย่าง Florida, Georgia และ North Carolina จึงทำให้ผลที่ออกมาค่อนข้างสูสี นอกจากนี้ ยังถือเป็นชัยชนะที่ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดของฝั่ง Democrat ที่ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) แต่ในขณะที่วุฒิสภา (Senate) เสียงข้างมากตกเป็นของ Republican

ส่งผลให้ตลาดลดความคาดหวังการเห็น Blue Wave ชัยชนะที่ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้สะท้อนถึงความไม่เป็นปึกแผ่นของรัฐบาล และอาจสร้างความกังวลต่อการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังรอบใหม่ของสหรัฐฯ แต่หากมองย้อนกลับไปช่วงระหว่างการนับคะแนน มีจังหวะคะแนนของ Donald Trump พลิกกลับมาแซง และมีท่าทีว่าจะเก็บชัยชนะ ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานสั้นไปแล้วในระหว่างวัน บ่งชี้ถึงภาวะตลาดที่ผิดหวังต่อการเกิด Blue Wave และสะท้อนไปแล้วในราคาหุ้น

ดังนั้น แม้ว่าผลที่ออกมารัฐบาลของ Joe Biden จะไม่ได้ครองเสียงข้างมากทั้งสภาล่างและสภาสูง ก็จะไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตลาด "ไม่ได้อยู่บนความคาดหวังที่สูง" หากเทียบกับช่วงก่อนหน้า

ตลาดหุ้นไทยที่ซึมมานานจะให้น้ำหนักปัจจัยบวกระยะสั้น ความชัดเจนของผลการเลือกตั้งที่มาพร้อมกับความคาดหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดใหม่ ตลอดจนการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจที่ค้างคามาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งให้เดินหน้าต่อ รวมถึงโอกาสการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่จะยังมีต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะ Risk On ในตลาดการเงินทั่วโลกจากสภาพคล่องในระบบที่จะยังสูงขึ้นต่อเนื่อง และหากประเมินภาพตลาดหุ้นไทยก็พบว่าอยู่ในภาวะที่ซึมมานาน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะถึงจุดปลดล็อก และเริ่มเข้าสู่จุดฟื้นตัว

โดยคาดว่าตลาดจะให้น้ำหนักต่อนโยบายเป็นเชิงบวกของ Joe Biden ที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้น มากกว่านโยบายที่เป็นลบต่อตลาดหุ้นซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในระยะยาว และเกิดขึ้นไม่ง่ายนักท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว เช่น การปรับขึ้นภาษี หรือ Green Energy ที่กระทบต่ออุตสาหกรรม Oil and Gas เป็นต้น ทั้งนี้ ประเมินว่าหุ้นกลุ่มที่น่าจะ Outperform ในกรอบระยะเวลา 1-3 เดือน จาก Election Rally และต่อเนื่องไปจนมีโอกาสการเกิด January Effect คือหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันราคาอยู่ในจุดที่น่าสนใจและเริ่มมีสัญญาณบวกสะท้อนโอกาสที่แนวโน้มผลประกอบการจะผ่านพ้นจุดต่ำสุด


กำลังโหลดความคิดเห็น