“กกร.” เกาะติดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใกล้ชิด เหตุนโยบายการค้าและการลงทุนมีโอกาสเปลี่ยนแปลง โดยหากเป็น “ไบเดน” นโยบายการค้าจะผ่อนคลายมากขึ้น หากเป็นทรัมป์ ทุกฝ่ายต้องเร่งปรับตัวรองรับ
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)เปิดเผยว่า กกร.ได้หารือเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เอกชนจะต้องจับตาใกล้ชิด เนื่องจากจะมีผลต่อนโยบายการค้าและการลงทุนที่เปลี่ยนไปให้มีทั้งผลบวกและลบ โดยหากนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา อาจจะส่งผลให้นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กับคู่ค้ามีแนวโน้มกลับมาผ่อนคลายมากขึ้น แต่หากนายโดนัลด์ ทรัมป์กลับมา จะยังคงเดินหน้านโยบายเดิมต่อไปซึ่งจะเข้มงวดกว่า
“ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งนี้หากผู้ชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคเดโมแครตจะมีผลต่อนโยบายการค้า มีเสรีมากขึ้น และแนวโน้มที่จะเข้าเป็นสมาชิกข้อตกลงความครอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก หรือ CPTPP สูง หากมาจากพรรครีพับลิกันนโยบายการค้ายังคงเหมือนเดิมซึ่งผู้ประกอบการไทยจำเป็นจะต้องพัฒนาสินค้าตัวเองมากขึ้นเพื่อแข่งขันในตลาด รวมถึงการหาตลาดใหม่ๆ เพื่อทดแทนตลาดสหรัฐฯ ขณะที่ด้านการลงทุน ยังมองว่าอาเซียนยังเป็นกลุ่มประเทศเป้าหมายที่หลายประเทศให้ความสนใจอยู่” นายกลินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม กกร.ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3 พบว่าได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในต่างประเทศ การส่งออกในเดือน ก.ย.ปรับตัวดีขึ้น โดยเร็วๆ นี้ กกร.เตรียมนำคณะไปหารือกับกระทรวงคมนาคมเพื่อวางแผนรับมือในปี 2564 ที่อาจจะมีปัญหาเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนทำให้ค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
หากไทยไม่เกิดการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยหรือสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัด ประกอบกับมีเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี กกร. มองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 น่าจะฟื้นตัวได้ต่อไป จึงยังคงประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 คงเดิมที่ GDP จะหดตัวในกรอบ -9.0% ถึง -7.0% ขณะที่คาดว่าการส่งออกจะหดตัวในกรอบ -10.0% ถึง -8.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ -1.5% ถึง -1.0%
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนยังคงเกาะติดการเลือกตั้งสหรัฐฯ ต่อเนื่องเพราะมีผลต่อการค้าและการลงทุนที่อาจเปลี่ยนไปที่ต้องเตีรยมตั้งรับ ระยะสั้น กกร.ยังกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 2 ในหลายประเทศ โดยเฉพาะยุโรป ซึ่งประกาศล็อกดาวน์ไปมีผลกระทบต่อกิจกรรมภายนอกของผู้บริโภค แม้ด้านการผลิตสินค้าจะไม่กระทบ แต่คาดว่าจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมแผ่วลง เบื้องต้นคาดว่าจะกระทบ GDP ไทยในไตรมาสที่ 4 ราว 0.37-0.5% เนื่องจากคาดว่าจะมีผลกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออก