นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “บลจ.ยูโอบีเล็งเห็นโอกาสท่ามกลางสภาวะตลาดปัจจุบันที่ผันผวน ทั้งจากปัจจัยสถานการณ์โควิดที่ยังมีอยู่ และภาวะอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำที่อัตราร้อยละ 0.5 และคาดว่าจะคงอยู่ในระดับปัจจุบันต่อเนื่องไปถึงปี 2564 การลงทุนในกองทุนตลาดเงินจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งเน้นการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพที่มีระดับความเสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องของกองทุนสูง”
“กองทุนเปิด ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ชนิดเพื่อผู้ลงทุนนิติบุคคล (TCMF-I) เป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพที่มีความมั่นคง โดยแนะนำสำหรับนักลงทุนนิติบุคคลสถาบัน เพื่อการจัดสรรพอร์ตการลงทุนเพื่อให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งกองทุน TCMF-I เป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนโดดเด่นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรม ประเภทกลุ่ม Money Market General จัดกลุ่มโดย Morningstar Thailand จากกลยุทธ์การบริหารกองทุนแบบ active โดยมีการปรับพอร์ตการลงทุนตามสภาวะตลาด ประกอบกับการคิดค่าธรรมเนียมของกองทุนในอัตราที่ต่ำ ทำให้ผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันและตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 0.94% ต่อปี และ 1.33% ต่อปี ซึ่งให้ผลการดำเนินงานสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน เฉลี่ย 3 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ อยู่ที่ 0.40% ต่อปี และ 0.82% ต่อปี ตามลำดับ (ที่มา : Morningstar Thailand, 30 ก.ย. 2563)”
นางสาวรัชดากล่าวเสริมว่า “การลงทุนในสภาวะปัจจุบันที่ตลาดยังไม่มีความชัดเจน และมีความผันผวนจากปัจจัยการระบาดโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ อีกทั้งประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในต้นเดือน พ.ย.ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุนทั่วโลก กองทุน TCMF-I จึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนนิติบุคคลหรือกลุ่มสถาบันเพื่อกระจายการลงทุนและสร้างความมั่นคงให้พอร์ตการลงทุน พร้อมคำนึงถึงการดำรงสภาพคล่องที่เพียงพอ ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนกองทุน TCMF-I จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีคุณภาพและมีความมั่นคง โดยกว่า 70% ของพอร์ตการลงทุนนั้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเงินฝาก (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 2563) และลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป โดยกองทุน TCMF-I เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องและแสวงหาการลงทุนที่มีโอกาสรับผลตอบแทนในระยะสั้นที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก อีกทั้งเงินลงทุนของนักลงทุนนิติบุคคลหรือสถาบันยังมีโอกาสเติบโตในช่วงภาวะตลาดผันผวนและอัตราดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ทุกวันทำการ และจะได้รับเงินค่าขายคืนในวันทำการถัดไป (T+1)” (โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในโครงการจัดการกองทุน)