โบรกเกอร์เปิด 5 เหตุผลหุ้น PTT ยังน่าสนใจ คาดงบ Q4/63 โตต่อเนื่องถึงปี 64 พื้นฐานแข็งแกร่ง และเตรียมได้ข้อสรุปไฟลิ่ง OR 14 ก.ย.นี้ ขณะที่คาดปันผลครึ่งปีแรกอยู่ที่ 0.10 บ./หุ้น คาดจ่ายกลาง-ปลายเดือนนี้ ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” มองราคาน้ำมัน และราคาหุ้นที่ปรับฐานช่วงนี้เป็นจังหวะทยอยเข้าลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ว่า แม้คาดผลการดำเนินงาน Q3/63 ยังไม่โดดเด่น เพราะเป็นช่วงปิดซ่อมโรงแยกก๊าซ อุปสงค์ไฟฟ้าจากภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรมยังอ่อนแอ ค่าการกลั่นอยู่ระดับต่ำ แต่เชื่อว่าผลประกอบการของ PTT ได้ผ่านจุดต่ำสุดในครึ่งปีแรกมาแล้ว ขณะที่กำไรจะเห็นการเติบโตชัดเจนใน Q4/63
โดยปัจจัยหนุนมาจากราคาขายสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะแหล่งก๊าซในอ่าวไทยตามรอบปรับสัญญาขายเดือน ต.ค. (อ้างอิงราคาก๊าซของ PTTEP Q4/63 จะอยู่ที่ 5 ดอลลาร์/mmbtu เทียบกับ Q3/63 ที่ 6ดอลลาร์/mmbtu) รวมถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรมฟื้นตัว นอกจากนี้ การปิดซ่อมบำรุงลดลง และไม่น่ามีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันพื้นฐานแข็งแกร่ง มีสตอรี่หนุน
เปิด 5 เหตุผลหุ้น PTT ยังน่าสนใจ
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากภาพรวมในอนาคตพบว่า มี 5 ปัจจัยสำคัญที่ยังทำให้ PTT เป็นหุ้นที่น่าสนใจ ดังนี้
1) การฟื้นตัวที่ชัดเจนของผลประกอบการ Q4/63 ต่อเนื่องถึงปี 64
2) พื้นฐานแข็งแกร่งด้วยความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม กระจายธุรกิจครบวงจร ฐานะการเงินมั่นคง ทำให้สามารถทดแรงเสียดทานภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันได้ดี
3) มีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้ากระบวนการไฟลิ่ง IPO บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR โดยตามกำหนดการ 165 วัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องสรุปผลพิจารณาอนุมัติไฟลิ่งภายใน 14 ก.ย.นี้
4) ราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายบน PBV 1.1 เท่า นับว่ามีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี -1.5SD
5) ความสามารถจ่ายปันผลดีกว่าคู่แข่งจากผลประกอบการ-ฐานะการเงินที่มั่นคง รวมทั้งความต้องการเงินปันผลจากกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คาดการณ์เงินปันผล 1H63 ที่ 0.10 บาท/หุ้น (อิงนโยบาย 25%) อ้างอิงข้อมูลปี 2562 คาดประกาศจ่ายเงินปันผลช่วงกลาง-ปลายเดือน ก.ย.
ปรับราคาเหมาะเป็น 40 บาท และปรับคำแนะนำเป็นซื้อ
โดยคำแนะนำได้ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 40.00 บาท (SOTP) และปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” มองว่าราคาน้ำมัน และราคาหุ้นที่ปรับฐานช่วงนี้เป็นจังหวะทยอยเข้าลงทุน
ด้านราคาน้ำมันในตลาดโลก พบว่า ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. ราคาน้ำมัน WTI ปรับฐาน -14% ต่ำสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. จากความกังวลโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ ใกล้สิ้นสุด ค่าการกลั่นต่ำ ซาอุฯ ปรับลดราคาน้ำมันเดือน ต.ค. ดอลลาร์แข็งค่า เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังคงมุมมองบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันระยะกลาง-ยาว หนุนจากความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก มาตรการลดปริมาณผลิตของ OPEC+ ที่เข้มงวดถึงเดือน เม.ย.65 และปริมาณสต๊อกน้ำมันโลกที่ทยอยลดลง
โดยคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 63-64 ที่ 42-47 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะสั้น ได้แก่ การประชุม JMMC และ JTC วันที่ 16-17 ก.ย. อัปเดตตัวเลข Compliance รวมถึงครบกำหนดการ Brexit แบบไม่มีเงื่อนไขวันที่ 15 ต.ค. และข้อพิพาทการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ เดือน พ.ย.นี้