นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์ เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่า จากการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ได้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 โดยอนุญาตให้กลุ่มธุรกิจสีแดงกลับมาเปิดทำการ มีผล 1 ก.ค. ประกอบไปด้วย 1. ผับ บาร์ คาราโอเกะ 2. ร้านเกม และร้านอินเทอร์เน็ต 3. อาบ อบ นวด พร้อมกับขยายระยะเวลาให้ร้านสะดวกซื้อให้กลับมาเปิดบริการ 24 ชม. และศูนย์การค้าเปิดได้ตามปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ศบค.ยังมีมติเห็นชอบให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ โดยมุ่งเป้าไปที่นักธุรกิจและกลุ่มผู้รับบริการทางการแพทย์ โดยมีประเทศเป้าหมายคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง ภายใต้มาตรการการตรวจคัดกรอง COVID-19 ที่เข้มงวดจากประเทศต้นทาง และตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อเดินทางเข้าไทย รวมถึงการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่รัฐฯ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในไทย
แม้ว่าการผ่อนปรนระยะที่ 5 จะเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่มาพร้อมกับความเสี่ยง เนื่องจาก 1. การขยายเวลาของศูนย์การค้าให้กลับมาเปิดได้ตามปกติถึงเวลา 22.00 น. หากเปรียบเทียบกับการผ่อนปรนช่วงก่อนหน้า (ระยะที่ 2 เปิดทำการ 10.00-20.00 น. ระยะที่ 3 ขยายเวลาเปิดทำการ 10.00-21.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่มี Traffic สูง) การผ่อนปรนรอบนี้อาจหนุนให้กำไรของธุรกิจกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 2. การอนุญาตให้เปิดธุรกิจสถานบันเทิงกลางคืน ผับ บาร์ คาราโอเกะ ถือเป็นจุดเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกที่ 2 จากข้อสงสัยว่าแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จะสามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติหรือไม่ และมูลค่าทางเศรษฐกิจของสถานบันเทิงก็คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของ GDP ในปี 2019 เท่านั้น 3. การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศในลักษณะ Business Bubble ที่ยังอยู่ในวงจำกัด และยิ่งไปกว่านั้น หากมองภาพย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่มีการเริ่มพูดถึงแนวทางการผ่อนปรนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในรูปแบบ Travel Bubble ช่วงปลายเดือน พ.ค. ก็พบว่ามีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง และขายทำกำไรเสร็จสิ้นไปแล้ว ดังนั้นจึงให้น้ำหนักการปลดล็อกรอบนี้เป็นเพียง Neutral ไม่ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในทางกลับกัน ประเด็นที่มองเป็นเชิงบวกคือ การควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง หลังไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกัน 35 วัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ตลาดหุ้นไทยคงรอบการฟื้นตัวได้ในระยะสั้น