หุ้นน้องใหม่ที่เข้ามาซื้อขายในช่วงนี้ไม่ค่อยจะสดใสนัก หลายตัวไม่รอด ราคาหลุดจองตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาดหุ้น ขณะที่หลายตัวอยู่ในอาการร่อแร่ ไม่เว้นแม้แต่หุ้นขนาดใหญ่อย่าง บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP บริษัทลูกของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC
และบริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE ซึ่งเพิ่งเข้าซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา
ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ มีหุ้นใหม่ทยอยเข้ามาชุดใหญ่ โดยแม้ภาวะตลาดหุ้นจะไม่เอื้อต่อการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน แต่เนื่องจากมีความจำเป็นในการระดมทุน บริษัทจดทะเบียนใหม่จึงไม่มีทางเลือก ต้องนำหุ้นออกขาย และ ขายในราคาระดับเต็มมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน จึงไม่เหลือช่องว่างให้นักลงทุนที่จองซื้อทำกำไรได้มากนัก
SCGP เสนอขายในราคา 35 บาท เคาะซื้อเคาะขายวันแรกพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา และแทบเอาตัวไม่รอด โดยเปิดที่ราคา 37 บาท ขึ้นไปสูงสุดที่ 37.25 บาท ก่อนลงมาปิดที่ 35 บาท และเป็นราคาต่ำสุด
ส่วนราคาวันจันทร์ 26 ตุลาคม ปิดที่ 35.50 บาท สูงกว่าจอง 50 สตางค์ โดยราคาที่ไม่หลุดจอง เพราะมี “กรีนชู” หรือหุ้นส่วนเกินที่นำมาเสนอขายช่วยพยุงราคาอยู่
สำหรับ DHOUSE นำหุ้นจำนวน 217.20 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 50 สตางค์ เสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคา 60 สตางค์ สูงกว่าพาร์เพียง 10 สตางค์ โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นหรือค่า พี/อี เรโช 19.87 เท่า ซึ่งมีเสี่ยยักษ์ หรือนายวิชัย วชิรพงศ์ นักลงทุนขาใหญ่ ถือหุ้น 5 ล้านหุ้น
DHOUSE เปิดซื้อขายวันแรกที่ราคา 67 สตางค์ และถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 72 สตางค์ ก่อนจะปิดในราคา 61 สตางค์ และเป็นราคาต่ำสุด สูงกว่าจองเพียง 1 สตางค์หรือ 1.67% ปริมาณการซื้อขาย 727.90 ล้านหุ้น สูงกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขายนักลงทุนกว่า 2 เท่า
หุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าซื้อขายล่าสุดทั้ง 2 บริษัท สถานการณ์ย่ำแย่พอกัน เพราะราคาหุ้นหมิ่นเหม่ที่จะหลุดจอง โดย SCGP อาจมีภาษีดีกว่า เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย ผลประกอบการดี ธุรกิจมีแนวโน้มสดใส จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมี "กรีนชู" เป็นกันชนที่จะประคองราคาหุ้น
แต่ถ้า ภาวะตลาดผันผวนรุนแรง บางที “กรีนชู” ก็พยุงไม่ไหวเหมือนกัน
ส่วน DHOUSE อยู่ในอาการที่น่าเป็นห่วงกว่า โดยเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ข้อมูลการดำเนินงานย้อนหลังมีให้ศึกษาไม่มาก และเป็นหุ้นขนาดเล็ก มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดระดับ 500 ล้านบาทเศษ รายได้รวมปี 2562 มีจำนวนเพียง 142.21 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40.71 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวม 47.08 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10.62 บาท
ดูทรงแล้ว DHOUSE มีสิทธิหลุดต่ำกว่าจอง จึงน่าหวาดเสียวแทนนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นไว้ และยังไม่ขายออก
หุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาซื้อ 3-4 บริษัท ใครไม่ชิงขายหุ้นตั้งแต่วันแรกๆ ส่วนใหญ่เจ็บตัวหมด
ราคาหุ้นใหม่ที่ต่ำกว่าจอง จะอ้างภาวะตลาดเป็น “แพะ” ไม่ได้ เพราะทุกบริษัทรู้แล้วว่า เข้ามาซื้อขายในช่วงตลาดหุ้นซบเซา แต่ปัญหาต่ำจอง เกิดจากการตั้งราคาที่สูงเกินไป โดยอาศัยโอกาสที่หุ้นใหม่กลับมาได้รับความนิยม โขกราคาขายกับนักลงทุน
2 เดือนสุดท้ายปีนี้จะมีหุ้นใหม่รอคิวเข้าตลาดหุ้นอีกหลายบริษัท คิดจะจองซื้อหรือเก็งกำไร ต้องดู SCGP และ DHOUSE เป็นหนังตัวอย่างไว้
ไม่มั่นใจว่าหุ้นขายถูกจริง ไม่มั่นใจว่าราคาเสนอขายเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานจริง อย่าจองซื้อ อย่าตามแห่เก็งกำไร เมื่อเข้าตลาดหุ้น จะได้ไม่ต้องเสียใจเมื่อเจ็บตัว