ไล่ "ปูนใหญ่" หวังได้ลูก / สุนันท์ ศรีจันทรา

การประกาศให้สิทธิผู้ถือหุ้นบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC จองซื้อหุ้นบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ซึ่งเป็นบริษัทลูก  กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ไล่ซื้อหุ้น SCC กันฝุ่นตลบ จนราคาที่กำลังอยู่ในช่วงปรับฐานดีดตัวกลับขึ้นมา สวนภาวะตลาดหุ้นที่ปักหัวลง

SCC แจ้งตลาดหลักทรัพย์หลังปิดการซื้อขายหุ้น วันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่า คณะกรรมการบริษัท SCGP ซึ่ง SCC ถือหุ้นในสัดส่วน 99.04% ได้อนุมัติการจัดสรรหุ้นเพื่อเสนอขายประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 1,296.68 ล้านหุ้น โดยมีหุ้นจำนวนไม่เกิน 169.13 ล้านหุ้น เสนอขายให้ผู้ถือหุ้น SCC ในอัตราส่วน 7.0950 หุ้นต่อ 1 หุ้น SCGP

กำหนดให้วันที่ 10 กันยายน 2563 เป็นวันขึ้นเครื่องหมาย XB ซึ่ง ผู้ซื้อหุ้น SCC จะไม่ได้รับสิทธิจัดสรรหุ้น SCGP

ราคาหุ้น SCC ก่อนหน้า ปรับตัวลงต่อเนื่อง แต่หลังจากการแจ้งข่าวจัดสรรหุ้น SCGP นักลงทุนก็หันกลับมาไล่ซื้อหุ้น SCC ทันทีที่เปิดการซื้อขายวันที่ 31 สิงหาคม จนราคาพุ่งทะยาน 11 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น และวันที่ 1 กันยายนยังบวกต่ออีก 3 บาท ขยับขึ้นมาปิดที่ 357 บาท ขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หุ้น SCC ที่ดีดตัวแรงนั้น เป็นผลพวงจากการให้สิทธิผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้น SCGP ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดตลาดหลักทรัพย์

แม้ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาการเสนอขายหุ้นที่ชัดเจน ยังไม่ตั้งราคาที่จะเสนอขาย แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เชื่อว่า SCGP จะเป็นหุ้นใหม่ที่ได้รับความสนจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นขนาดใหญ่ มีผลประกอบการที่ดี มีความสามารถในการทำกำไรสูง แนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เกตแคปหลังเข้าจดทะเบียนน่าสูงกว่า 1 แสนล้านบาท

และภายใน 6 เดือน จะถูกคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนีเซ็ต 50

ผลประกอบการ SCC ชะลอตัวต่อเนื่องมาหลายปี รวมทั้งงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ซึ่งมีกำไรสุทธิ 16,355.07 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18,705.55 ล้านบาท

กำไรที่ทรุดลง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวเป็นช่วงขาลงยาวนาน และยังถูกผลกระทบจากวิกฤต “โควิด-19” ซ้ำเติม จนราคาลงไปต่ำสุดที่ 244 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นกระเตื้องขึ้น ล่าสุด ได้รับแรงกระตุ้นจากหุ้น SCGP ซึ่งเป็นบริษัทลูกจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดย SCC มีนโยบายที่จะถือหุ้นในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 70% ของทุนจดทะเบียน แม้จะเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ตาม

SCC เป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีค่าพี/อี เรโช ประมาณ 14 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 4% แต่ผลประกอบการที่ชะลอตัว ทำให้เกิดการเทขายหุ้น จนราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 50% จากราคาที่เคยขึ้นไปสูงสุดกว่า 500 บาท

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2563 เป็นไตรมาสแรกในรอบหลายไตรมาสที่กำไรกลับมาเติบโต โดยมีกำไรสุทธิ 9,384 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 33% ทำให้นักลงทุนทยอยเข้ามาเก็บ SCC

การให้สิทธิผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้น SCGP เป็นปัจจัยปลุกเร้าให้นักลงทุนอยากมี SCC ไว้ในพอร์ต เพื่อหวังเก็บเกี่ยวกำไรจากหุ้นน้องใหม่ SCGP จนราคาเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น

หุ้น SCC คงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพียงแต่ราคาหุ้นจะพุ่งไปได้ขนาดไหนเท่านั้น แต่ก่อนที่ SCGP จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุนคงลุยเก็งกำไร SCC กันอีกสักพัก