"เอสซีจี แพคเกจจิ้ง" ปิดเทรดวันแรกเท่าราคาจองซื้อไอพีโอที่ 35 บาท โบรกฯ มองหุ้น SCGP จะถูกดึงเข้าไปคำนวณดัชนีต่างๆ ของตลาดหลักทรัพย์ เพราะขนาด Market cap สูง พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 41 บาท ผู้บริหารเตรียมนำเงินไปใช้ลงทุนตามแผน
บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง หรือ SCGP เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ SET พบว่าราคาเปิดอยู่ที่ 37.00 บาท ปรับขึ้น 2.00 บาท หรือปรับขึ้น 5.71% จากราคาจองซื้อไอพีโอที่ 35.00 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 37.25 บาท ต่ำสุดที่ 35.00 บาท เมื่อตลาดปิดราคาหุ้นอยู่ที่ 35.00 บาท เท่ากับราคาไอพีโอ มูลค่าซื้อขาย 11,857.39 ล้านบาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า SCGP ประเมินการเข้ามาซื้อขายของหุ้น SCGP เมื่อวานนี้ จะทำให้ตัวหุ้นนั้นถูกนำเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 โดยทันที (t+3) ตามเกณฑ์ Fast track เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มสูงว่าจะมีขนาด Market cap มากกว่า 1% ของ Marketcap รวมของ SET Index
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า SCGP ถือเป็นหุ้นใหม่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยและเทศเป็นจำนวนมากซึ่งมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกที่จะช่วยผลักดันราคาหุ้น SCGP คือแรงผลักดันภายใน โดยราคาจองซื้อ (IPO) ของ SCGP อยู่ที่ 35.00 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ปี 2564 เพียง 21.70 เท่า ซึ่งถือว่าถูกกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกันของทั้งในและต่างประเทศที่ซื้อขายกันบนค่า P/E เฉลี่ยที่ 24.00 เท่า ขณะที่แนวโน้มการเติบโตยังเร่งตัวขึ้นได้ตามความต้องการใช้กล่องส่งสินค้า และหีบห่อบรรจุภัณฑ์ ตามการเติบโตในยุคอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) และกำลังการผลิตยังสามารถรองรับความต้องการที่เข้ามา (Pending Demand) ได้อีก โดยฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานไว้ที่ 41.00 บาท
อีกทั้งแรงผลักดันภายนอก SCGP มีหุ้นส่วนเกิน (Greenshoes) จำนวน 169.13 ล้านหุ้น คอยรองรับไม่ให้ราคาหุ้นต่ำจองในช่วงสั้น อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากกองทุน Passive Fund เนื่องจากมีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี SET50-SET100 แบบ Fast Track นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี MSCI ในรอบถัดไป (ประกาศผล 10 พ.ย.63) และดัชนี FTSE (ประกาศผล 20 พ.ย.63) เหมือนกับหุ้นรุ่นพี่ อย่าง AWC และ CRC ที่อยู่ทั้ง 2 ดัชนี ดังนั้น แรงผลักดันทั้งจากภายในและภายนอกน่าจะหนุนให้ SCGP Outperform ตลาดได้ในช่วงนี้
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วานนี้ (21 ต.ค.) ซึ่งอยู่ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดบรรจุภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “SCGP” และนับเป็นก้าวสำคัญของ SCGP สู่การเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจจากการมีฐานะการเงินที่เข้มแข็งขึ้น โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ขยายการลงทุน ชำระเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ตามแผนปี 2563-2564 บริษัทฯ ได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวในเวียดนามและไทย และขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มูลค่าเงินลงทุนรวม 8,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ SCGP พร้อมขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายกำลังการผลิตและศึกษาโอกาสเข้าควบรวมกิจการ (Merger & Partnership) โดยปี 2563 SCGP อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการควบรวมและเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ลูกฟูกในประเทศเวียดนาม เป็นการเพิ่มศักยภาพและการเติบโต รักษาตำแหน่งผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนที่ต้องการเติบโตไปด้วยกัน