หลังจากที่ตลาดการเงินทั่วโลกอยู่ในแนวบวกช่วงกลางปี แต่ดูเหมือนจะปรับตัวลดลงในปลายปีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปแสดงให้เห็นสัญญาณการเติบโตที่ถึงขีดจำกัด เนื่องจากราคาหุ้นร่วงลงจากจุดสูงสุดและเครดิตสเปรด (Credit spreads) หรือส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นมาจากพันธบัตรรัฐบาลถ่างกว้างขึ้น เราคาดว่าแนวโน้มเหล่านี้จะดำเนินต่อไปในอีกหลายเดือนข้างหน้าเนื่องจากสถานการณ์ความยากลำบากของเศรษฐกิจนำไปสู่การลดค่าใช้จ่ายของธุรกิจและเกิดภาวะล้มละลายเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางยังรักษาสภาพคล่องในตลาดการเงินจนถึงปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การแทรกแซงของธนาคารกลางครั้งนี้นอกจากไม่ได้ชดเชยรายได้ที่สูญเสียไป หรือเยียวยาภาวะล้มละลายแล้ว ยังเป็นการเพิ่มภาระหนี้ยิ่งขึ้น ดังนั้น ในมุมมองของเราสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงจำนวนมากจึงถูกแยกออกจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและยังคงมีความเสี่ยงที่จะได้รับการจัดการจากการแพร่ระบาดที่ยังคงอยู่
นายไมเคิล ฮาเซนสเตบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุนเทมเพิลตัน โกลบอล แม็คโคร กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายปัจจัยบวกท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเหตุให้กังวลถึงสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เห็นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมีความพยายามที่จะเปิดกว้างภายใต้มาตรการป้องกันที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าการแพร่ระบาดจะยังคงมีผลกระทบต่ออุปสงค์มวลรวมทั่วโลกจนกว่าวิกฤตด้านสาธารณสุขนี้จะได้รับการแก้ไข ซึ่งแรงปะทะต่อปัจจัยทางเศรษฐกิจยังจะเป็นอุปสรรคสำคัญ
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาไม่นานในหลายภูมิภาคมีสัญญาณอยู่ในระดับคงที่ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ก่อนหน้าที่ดีขึ้นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมและเมษายน แต่ไม่ใช่แนวโน้มการเติบโตที่ทำให้คาดการณ์สำหรับไตรมาสต่อๆ ไปได้ เรากังวลว่าสถานการณ์การล้มละลายของธุรกิจจะแย่ลงจากกิจกรรมที่หยุดชะงักในแต่ละเดือน เนื่องจากมีการระบาดอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว และเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนทำให้ช่วงเวลากลางวันน้อยลงประกอบกับอากาศเย็นลง สภาพอากาศแปรปรวนเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อที่สูงขึ้นจนไปถึงการระงับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้คนเหมือนถูกบังคับให้อยู่บ้านมากขึ้น โลกมีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น ในมุมมองของเราจากศักยภาพการผ่อนคลายมาตรการอยู่ร่วมกันในแต่ละระยะ รวมถึงการจัดการตลาดการเงินก่อนจะช่วยฟื้นฟูและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นในท้ายที่สุด
นอกจากนี้ แนวโน้มการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ หรือ (Deglobalization) ที่มีอยู่ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 จะถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้นจากวิกฤตครั้งนี้ ในขณะที่ประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับปัญหาด้านสุขภาพ ความมั่นคง และปัญหาภายในประเทศอื่นๆ การรวมตัวกันระดับโลกจึงถูกเลื่อนออกไป ทำให้การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่มีศักยภาพต่อภาคการผลิตในประเทศและห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในทศวรรษหน้า
อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลที่มีภาระหนี้สูงอยู่แล้วจะจ่ายเงินให้แก่มาตรการเยียวยาจากการระบาดครั้งใหญ่ได้อย่างไรเนื่องจากทั่วโลกมีภาวะการขาดดุลทางการคลังเพิ่มสูงขึ้นและนำมาซึ่งมาตรการการกระตุ้นครั้งใหญ่ที่เลี่ยงไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ แต่ความรับผิดชอบในด้านการกำกับดูแลการคลังจะมีความสำคัญต่อภาระหนี้สิ้นในอนาคต นโยบายแตกต่างแหวกแนว เช่น ทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ (Modern Monetary Theory) และการพิมพ์เงินเพื่อชำระหนี้ (Debt Monetization) มีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจในแง่การเมืองมากขึ้นในปีต่อๆ ไป ซึ่งในขณะเดียวกัน จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลที่ไม่มีวินัยทางการเงิน ส่งผลให้การตรวจสอบนโยบายในตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อระบุว่ารัฐบาลใดมีโครงสร้างการคลังที่เหมาะสมหรือมีความสามารถในการจัดการเทียบกับรัฐ ที่ไม่มี ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคมและธรรมาภิบาล (ESG) จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญมากขึ้นในการประเมินความมั่นคงและแนวโน้มทางเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศในอีกหลายปีข้างหน้า การทำงานร่วมกันทางสังคมและการปกครองที่มีธรรมาภิบาลสามารถเร่งหรืออาจฉุดการฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด-19 ของประเทศได้
"น่าเศร้าที่ในช่วงการระบาดเราได้เห็นผลที่ตามมาจากความไม่เข้มแข็งของปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG Factors) โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ ประเทศที่ขาดความพร้อมรับมือโรคระบาดจากระบบการดูแลสุขภาพที่ไม่ดีพอและโครงสร้างพื้นฐานที่ด้อยพัฒนาหรือขาดการเตรียมพร้อมจากวิกฤตเศรษฐกิจเนื่องจากความไม่สมดุลทางการคลัง หนี้ในระดับสูงและการพึ่งพาภาคเศรษฐกิจภายนอก ประเทศเหล่านี้ได้รับความเสียหายอย่างมากต่อชีวิตและการดำรงชีวิต ในทางตรงกันข้ามประเทศที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีสถาบันการเงินที่เข้มแข็งกว่า มีหนี้ในระดับที่ต่ำ และมีความหลากหลายทางเศรษฐกิจซึ่งโดยทั่วไปจะมีการฟื้นตัวที่ดี ในฐานะนักลงทุนการเลือกสรรนับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ในมุมมองของเรามีหลายภาคส่วนและหลายประเทศที่ยังคงมีความเสี่ยงสูงกับการจัดการหรือรับมือต่อตลาด"
หากมองไปในอนาคตข้างหน้าเราจำลองสถานการณ์ระยะที่ 2 ของวิกฤตโลก ขณะนี้ตลาดการเงินยังคงอยู่ในระยะแรกซึ่งมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะเวลายาวนานและมีโอกาสที่จะเกิดการหยุดชะงักของดุลยภาพตลาด หรือ Market shocks เพิ่มเติมซึ่งอาจจะมีต่อเนื่องหลายไตรมาส ในระยะที่ 2 เราคาดว่าการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนจะเกิดขึ้นหลังจากที่ราคาสินทรัพย์เกิดการเปลี่ยนแปลงและอิทธิพลของโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจ
คล้ายคลึงกับแนวทางในคู่มือ (Playbook) ที่เราใช้ไปสู่การพ้นจากวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 และ 2552 ในขณะนี้เรากำลังใช้แนวทางการลงทุนระยะที่ 2 ซึ่งในระยะที่ 1 เรายังคงรักษาท่าทีในการป้องกันที่มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การกระจายการลงทุนที่สูงขึ้นในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงเเละปลอดภัย (Safe-Haven Assets) ลดความเสี่ยงการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ การลดความเสี่ยงในวงกว้างและรักษาสภาพคล่องในระดับที่เหมาะสม ในระยะนี้เราคาดว่าจะดำเนินการติดตามหลักทรัพย์ที่มีค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (Undervalued) โดยให้ความสำคัญกับการประเมินมูลค่าที่ด้อยคุณภาพในพันธบัตรรัฐบาลสกุลเงินท้องถิ่นที่มีระยะเวลาสูงกว่าสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่และสินเชื่อภาคต่างๆ
เรามั่นใจว่ายังมีโอกาสในการลงทุนช่วงการแพร่ระบาดรอบ 2 แต่เราก็ตระหนักดีว่าอาจจะมีการแพร่ระบาดต่อเนื่องไปอีกหลายไตรมาส ซึ่งอาจจะเป็นการเลื่อนช่วงเวลาของโอกาสในการลงทุนที่เหมาะสม จนกว่าจะถึงจุดนั้นเราจะรวบรวมข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ ท่ามกลางวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่เราติดตามเศรษฐกิจโลกในแต่ละประเทศเพื่อแนะแนวทางโอกาสการลงทุนในปัจจุบันและอนาคต
“กลยุทธ์ Templeton Global Macro จัดหาการกระจายความเสี่ยงประเภทสินทรัพย์ที่กว้างขวางรวมถึงหุ้นในประเทศไทยและพันธบัตรของไทยที่นักลงทุนในประเทศสนใจ ใช้แนวทางที่ยืดหยุ่นในกระบวนการลงทุนเพื่อแสวงหาโอกาสผ่านสินเชื่อทุกภาคส่วน สกุลเงินและเส้นโค้งผลตอบแทน วันนี้อยู่ในตำแหน่งที่จะได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าตลาด (Alpha) จากการลงทุนที่ปลอดภัย เช่น เงินเยนของญี่ปุ่น และฟรังก์สวิสของฝรั่งเศส เพื่อปกป้องเงินทุนในสภาวะตลาดที่ผันผวน ประกอบกับราคาสินทรัพย์ที่สูงและมองหาโอกาสจากสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อมีมูลค่าที่ดี กลยุทธ์นี้จะไม่สอดคล้องกับประเภทสินทรัพย์ที่มีความเปราะบางถึงแม้ว่าจะสร้างรายได้และปกป้องเงินทุนในช่วงที่สภาพแวดล้อมของตลาดปั่นป่วน” นายไมเคิล ฮาเซนสเตบ กล่าวสรุป